วานนี้ (21 พ.ค. 60) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ธีระพล กล่าวฝากถึงสื่อมวลชนให้มีการประชาสัมพันธ์การใช้วิจารณญาณในการรับส่งข้อมูลในโลกโซเชียล ระหว่างการแถลงข่าวจับกุม นาย คือนายซานดีป ซิง อายุ 30 และนายราจ คูมาร์ อายุ 35 ปี ชาวอินเดีย ผู้ต้องหาในคดีปลอมพาสปอร์ต โดยมีชื่อปรากฏในพาสปอร์ตปลอมเป็นชาวโปรตุเกส (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
“ล่าสุดผมเห็นมีประเด็นที่มีข้อความกระจายไปทางสื่อโซเชียลว่า มีตำรวจโทรบอกแม่ไม่ให้แม่ไปเดินตลอดเนื่องจากมีคนจาก 3 ชายแดนภาคใต้ขึ้นมา ตรงนี้ผมอยากกราบเรียนให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ว่า ประการแรกข้อความเหล่านั้นไม่มีที่มาที่ไป การบริโภคสื่อพวกนี้อยากให้ใช้วิจารณญาณ การส่งต่อเป็นการสร้างความตระหนกตกใจให้กับประชาชน ซึ่งผมได้อ่านข้อความแล้วมันก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ” พล.ต.ต.ธีระพล
“ประการที่ 2 เนื่องจากประเทศไทยเราเป็นประเทศเสรี มีคนจำนวนมากจาก 3 จังหวัดภาคใต้ที่เดินทางเข้ามาทำงานในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย บางคนเขาก็ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติหรือหางานทำได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ คนเหล่านั้นจึงเดินทางมาทำงานที่จังหวัดภูเก็ต”
ผู้การกล่าวต่ออีกว่า การเฝ้าระวัง การไม่ประมาทนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม
“ประชาชนในภูเก็ตเองค่อนข้างตื่นตัวเรื่องนี้ดีมาก ผมอยากขอให้บริโภคข้อมูลข่าวสารทุกอย่างอย่างมีสติ และการจะโพสต์ข้อความใดๆ ก็ขอให้มีการตรวจสอบให้รอบคอบก่อน ไม่ใช่กระจายกันไปจนเกิดความตื่นตระหนกและมันก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อใคร”
“ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวและมีความความปลอดภัย ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็มีการปฏิบัติงานกันอย่างเข้มข้นมาก และตอนนี้มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 4 เข้ามาเสริมเข้ามาช่วยเราทำงานที่ด่านตรวจ ซึ่งเป็นนโยบายของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ในด้านของความมั่นคง กำลังทหารจึงเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเสริมการปฏิบัติงานในพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบินและที่ด่าน และที่สนามบินเองก็มีการตรวจสอบรายชื่อพนักงานทุกราย เพียงแค่ในบางครั้งเราไม่ได้ออกสื่อในเรื่องดังกล่าว แต่เราทำงานตามแนวทางอยู่ตลอด” พล.ต.ต.ธีระพล กล่าว
“ผมต้องการให้สังคมมีความรู้สึกสบายใจขึ้น รู้สึกปลอดภัยขึ้น ไม่อยากให้สังคมมีความรู้สึกว่าปัจจุบันภูเก็ตเราไม่มีความปลอดภัยหรือเปล่า มีผู้ก่อการร้ายเข้ามาไหม ผมอยากให้ทุกท่านมั่นใจว่าจังหวัดภูเก็ตเรามีแผนป้องกันการก่อการร้ายอย่างเข้มข้นแน่นอน”
