เหยื่อเมาขับร้องตำรวจดำเนินคดี 'แอนนา รีส' ผิดซ้ำซาก

กรุงเทพมหานคร - วันนี้ (25 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม.พร้อมด้วยนางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และสมาชิก 30 คน เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

วันพฤหัสบดี ที่ 25 พฤษภาคม 2560, เวลา 16:42 น.

ภาพ Bangkok Post

ภาพ Bangkok Post

ผ่านทาง พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เพื่อติดตามกรณี ดารา แอนนา รีส ที่มีคดีเมาแล้วขับชนคนตาย เมื่อ2ปีที่แล้ว อยู่ระหว่างรอลงอาญาและมาก่อเหตุเมาแล้วขับในคดีล่าสุด โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่สองมาตรฐาน ไม่ส่งสัญญาณที่ผิดๆด้วยการขอความเห็นใจคนเมาแล้วขับ หวั่นเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เมาแล้วขับซ้ำซากไม่เกรงกลัวกฎหมาย

นายเจษฎา กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีน.ส.แฮมบาวรีส หรือ แอนนา รีส อดีตดาราสาว อายุ 30 ปี ได้อาละวาดทำลายทรัพย์สินของผับแห่งหนึ่งจนพังเสียหาย และได้ขับรถเฉี่ยวชนรถคนอื่นได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะขับรถเก๋งหลบหนีไป และเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ เมื่อตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด เบื้องต้นตำรวจ แจ้งข้อหาดาราคนนี้เข้าข่ายกระทำความผิดฐานทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และเมาแล้วขับ ทั้งนี้ดาราคนนี้ยังเคยมีประวัติเมาแล้วขับมา ชนตำรวจจนเสียชีวิตมาแล้วเมื่อปี 2558

จากกรณีที่เกิดขึ้น เครือข่ายฯเหยื่อเมาแล้วขับ และภาคี ขอแสดงจุดยื่นและมีข้อเรียกร้องต่อ บชน.ดังนี้

1. ขอเรียกร้องให้ตำรวจมีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง กับคดีเมาแล้วขับ โดยเฉพาะผู้ที่ก่อเหตุซ้ำซ้อนเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสังคม สร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ดาราหรือผู้มีอิทธิพล เพื่อป้องกันข้อครหาเรื่องสองมาตรฐาน และไม่ควรส่งสัญญาณที่ผิดในการขอความเห็นใจให้ผู้ที่เมาแล้วขับ ทั้งที่เป็นพฤติกรรมที่ต้องควรถูกต่อต้าน

2. ขอให้ตรวจสอบสถานบันเทิงที่ขายสุราให้ผู้ก่อเหตุ ว่ามีการขายให้ผู้ที่เมาครองสติไม่ได้ ซึ่งเป็นความผิด ตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. 2551 มาตรา29 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน2หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับด้วยหรือไม่ เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบในการขายสินค้าที่สร้างผลกระทบทางสังคมด้วย

3. ขอเรียกร้องให้บรรดานักดื่มมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและผู้อื่นด้วยการหยุดพฤติกรรมดื่มแล้วขับ และขอเรียกร้องต่อ ผู้ผลิตและผู้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สถานประกอบการต่างๆให้มีความรับผิดชอบที่มากขึ้น ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด อีกทั้งทางเครือข่ายฯเกรงว่าหากไม่ดำเนินการตามหลักการ จะทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบเมาแล้วขับซ้ำซากได้

นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและจับตาความคืบหน้าเป็นอย่างมาก เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาดาราสาวคนดังกล่าวได้รับบทเรียน กรณีเมาแล้วขับรถยนต์ชนผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิตมาแล้ว แต่ทำไมยังกลับมากระทำความผิดซ้ำสองได้อีก จนเป็นเหตุให้สังคมเกิดคำถามตามมามากมาย แม้จะอ้างเหตุผลส่วนตัวใดๆก็ตาม ก็ไม่สามารถนำมาหักล้างความผิดสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ การถูกลงโทษตามกระบวนการจึงต้องตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน บิดเบี้ยว ส่วนภายหลังศาลตัดสิน จะเข้าสู่กระบวนการบำบัด ฟื้นฟูอย่างไรก็ว่าไปตามกลไกที่มี

“หากเปรียบเทียบบทลงโทษกรณีเมาแล้วขับนั้น หลายประเทศในแถบเอเชียมีบทลงโทษที่เข้มงวดและชัดเจนมาก เช่น ประเทศญี่ปุ่น กรณีเมาแล้วขับเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุมีบทลงโทษจำคุก 5 ปี ปรับเงิน 1 ล้านเยน โดยปริมาณแอลกอฮอร์ที่ถือว่า “มึนเมา” ตามกฎหมายของญี่ปุ่น คือ 25 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกฎหมายของประเทศไทยที่กำหนดไว้ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ เป็นต้น ด้านบทลงโทษกรณีเมาแล้วขับของไทย ที่มีระดับแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัม นั้น ความรุนแรงของโทษถ้าเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผูอื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตใบขับขี่ อย่างไรก็ตามคดีของเธอยังอยู่ในระหว่างรอลงอาญา แต่ก็น่าแปลกใจว่าเหตุใดยังสามารถกลับมาขับขี่รถยนต์ได้อีก ทั้งที่กฎหมายระบุให้เพิกถอนใบอนุญาตฯ ที่สำคัญเราต้องชัดเจนว่าเมาแล้วขับ เท่ากับฆาตกร คือเจตนาก่อเหตุ ไม่ใช่เรื่องน่าเห็นใจ เพราะมันคือความสูญเสียเจ็บตายของผู้คน” นางสาวเครือมาศ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่