หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานอ้างแหล่งข่าวเกี่ยวข้องว่า โรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษรับผิดชอบการสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016 กำลังสั่งให้สอบสวนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เพื่อสืบหาว่าทรัมป์มีส่วนขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งหากพบความเกี่ยวข้องจริงอาจนำไปสู่การถอดถอนทรัมป์
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า มูลเลอร์สอบถามเจ้าหน้าที่ 5 ราย ซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยนาม โดย 3 ราย ประกอบด้วย แดน โคตส์ ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (ดีเอ็นไอ) ไมค์ โรเจอร์ส ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอสเอ) และริชาร์ด เล็ดเจ็ตต์ อดีตผู้อำนวยการเอ็นเอสเอ ที่ตกลงตอบข้อซักถามของทีมสอบสวนมูลเลอร์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี การกระทำดังกล่าวเป็นไปแบบลับๆ จึงยังไม่แน่ชัดว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกสอบสวนทั้งหมดกี่ราย
นอกจากนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยกับ วอชิงตันโพสต์ว่า การสืบสวนทรัมป์กรณีขัดขวางกระบวนการยุติธรรมเริ่มขึ้นไม่นานนัก หลัง เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ถูกปลดในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งทำให้โฆษกทีมกฎหมายของทรัมป์ออกมาประณามการเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการสอบสวนทรัมป์ว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายรายเปิดเผยกับรอยเตอร์สว่า ถ้อยแถลงต่อคณะกรรมการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐของโคมีย์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าทรัมป์คาดหวังความภักดีจากโคมีย์และขอให้โคมีย์หยุดการสืบสวน ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคง อาจนำไปสู่ข้อกล่าวหาว่าทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม แม้ว่าโคมีย์ไม่ได้กล่าวชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว
แม้ทรัมป์ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอยู่ในขณะนี้ ไม่มีแนวโน้มเผชิญการฟ้องคดีอาญา แต่หากมีหลักฐานว่าทรัมป์มีส่วนขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อาจส่งผลให้สภาคองเกรสสามารถเริ่มพิจารณากระบวนการถอดถอนทรัมป์ได้ โดยรอยเตอร์สเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากต้องขออนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อน ซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของสมาชิกพรรครีพับลิกันของทรัมป์
