เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2560 กรณีน.ส.วาเลนติน่า โนวาชฮาโยโนว่า (Valentina Novozhyonova) อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย ได้มาท่องเที่ยวที่เกาะเต่าและได้เข้าพักที่โรงแรมเกาะเต่าโฮสเทล หมู่ 3 ถนนบ้านเก่า ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้หายตัวไปจากโรงแรมไม่สามารถติดต่อได้กว่า 2 สัปดาห์แล้ว พบเพียงทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวสาวอยู่ในห้องพักคาดว่าจะได้รับอันตราย
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สารวัตรใหญ่สภ.ย่อยเกาะเต่า ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
หลังจากที่ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหาหลักฐานตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ที่คาดว่านักท่องเที่ยวสาวรายนี้จะไปใช้บริการ แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสหรือข้อมูลทีจะนำไปหาตัวน.ส.วาเลนติน่าได้ และจากการเชคภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ก็ยังไม่ข้อมูลที่จะนำไปประกอบการติดตามตัวนักท่องเที่ยวสาวรายนี้แต่อย่างใด
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายอเล็กซ์ซานโด้ เพื่อนของน.ส.วาเลนติน่า ที่ชื่นชอบการดำน้ำเช่นกันมาให้รายละเอียด โดยนายอเล็กซ์ซานโด้ ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยให้รายเอียดว่าได้รู้จักกับน.ส.วาเลนติน่า ซึ่งชื่นชอบการดำน้ำแบบฟรีไดวิ่งเช่นกัน โดยได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำน้ำแบบดังกล่าว สำหรับอุปกรณ์ในการดำน้ำแบบฟรีไดวิ่งที่นักดำน้ำชนิดนี้ต้องใช้คือเข็มขัดร้อยลูกตะกั่วเพื่อใช้ช่วยถ่วงให้ดำน้ำได้เร็ว และไม่ทำให้ตัวลอย ตีนกบใช้สำหรับดำน้ำ หน้ากากดำน้ำ
จากข้อมูลดังกล่าว พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สารวัตรใหญ่สภ.ย่อยเกาะเต่า จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวของน.ส.วาเลนติน่า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าอุปกรณ์เช่น เข็มขัดร้อยลูกตะกัว ตีนกบดำน้ำ หน้ากากดำน้ำ และผ้าขนหนูสีน้ำเงินของนักท่องเที่ยวสาวไม่อยู่ที่ห้องพัก จึงได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อวางแผนการออกค้นหาตามจุดดำน้ำต่างๆ ที่คาดว่านักท่องเที่ยวสาวรายนี้จะไปดำน้ำ โดยเน้นค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ดำน้ำ โดยเฉพาะผ้าขนหนูนีน้ำเงินที่คาดว่านักท่องเที่ยวจะต้องวางไว้หรือแควนไว้ใกล้กับจุดที่ลงดำน้ำ โดย พ.ต.ท.โชคชัย คาดว่าหน้าที่จะรู้ผลของการค้นหานักท่องเที่ยวสาวรายนี้ในเร็ววันอย่างแน่นอน
สำหรับการดำน้ำแบบฟรีไดวิ่งอันดับแรกคือ ไม่ให้ดำน้ำตามลำพังเพียงคนเดียวโดยเด็ดขาด จะต้องมีบัดดี้ที่จะต้องทำหน้าที่อยู่บนผิวน้ำคอยมองดูคนที่ดำน้ำเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือหากเกิดอาการหมดสติ เนื่องจากระดับความดันโลหิตต่ำ ที่เกิดจากวิธีการหายใจ และการเลื่อนไหลของเลือด ในร่างกายของนักดำ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตใต้น้ำได้
-สุชาติ หาญกิจ-
