โอบามาปฏิเสธดักฟัง 'ทรัมป์'

ทรัมป์ทวีตต่อว่าโอบามาแอบดักฟังโทรศัพท์ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทีมงานโอบามาปัดไม่เคยดักฟังใคร

โพสต์ทูเดย์

วันอาทิตย์ ที่ 12 มีนาคม 2560, เวลา 15:00 น.

ภาพ newsweek.com

ภาพ newsweek.com

เควิน ลิวอิส โฆษกส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดี บารัก โอบามา ออกแถลงการณ์ปฏิเสธว่า โอบามาไม่เคยสั่งให้มีการดักฟังโทรศัพท์ของทรัมป์ พร้อมระบุว่าโอบามาและเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ไม่เคยมีการสั่งการให้สอดแนมพลเมืองสหรัฐ รวมไปถึงห้ามแทรกแซงการสอบสวนใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ทวีตกล่าวหาว่าโอบามาดักฟังโทรศัพท์ภายในอาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ที่นครนิวยอร์ก ในช่วงเดือน ต.ค. 2016 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี พร้อมเปรียบการเปิดเผยการดักฟังดังกล่าวเสมือนกับคดีวอเตอร์เกต ที่มีการเปิดโปงถึงการสอดแนมทางการเมืองและการติดสินบนในช่วงปี 1970 จนเป็นเหตุให้อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ต้องลงจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ทรัมป์ไม่มีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม การกล่าวหาของทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันอย่างหนักจากการสอบสวนของสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) และสภาคองเกรส หลังจากมีรายงานว่าสมาชิกบางรายในคณะทำงานของทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าแอบติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของทางการรัสเซียในช่วงการหาเสียงเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง

เบน แซสซีย์ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ให้ความเห็นว่าการกล่าวหาของทรัมป์ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก และทุกฝ่ายควรได้รับรายละเอียดมากกว่านี้ แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์อาจถูกดักฟังโทรศัพท์ แต่ทรัมป์ควรออกมาอธิบายว่าถูกดักฟังในลักษณะใด รวมไปถึงรู้ได้อย่างไรว่าถูกดักฟัง ไม่ใช่ออกมากล่าวหาเพียงลอยๆ

เช่นเดียวกับ เบน โรดส์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของโอบามา แสดงความเห็นผ่านบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ไม่มีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดสามารถสั่งให้เจ้าหน้าที่ดักฟังโทรศัพท์ของประชาชนได้ และข้อห้ามดังกล่าวมีขึ้นเพื่อปกป้องพลเมืองสหรัฐจากประธานาธิบดีแบบทรัมป์

รอยเตอร์สรายงานเสริมว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ (ยูเอสซีไอเอส) ออกแถลงการณ์ระงับกระบวนการขอวีซ่าแบบพิเศษซึ่งช่วยย่นระยะเวลาสำหรับการขอวีซ่าแรงงานต่างชาติมีทักษะชนิดเอช-1บี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่งผลให้กระบวนการขอวีซ่าต้องยืดเวลาออกไปจากเดิมที่ใช้เวลาเพียง 15 วัน เป็น 2-3 เดือน โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 3 เม.ย.นี้
ยูเอสซีไอเอสระบุว่า การระงับวีซ่าแบบพรีเมียมจะช่วยลดจำนวนวีซ่าที่ยังค้างพิจารณาและจะช่วยทำให้เวลาในการพิจารณาวีซ่าทั้งหมดสั้นลง

ทั้งนี้ วีซ่าชนิดเอช-1บี อนุญาตให้บริษัทในสหรัฐสามารถจ้างแรงงานฝีมือต่างด้าวที่มีทักษะเฉพาะตัวได้ โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ การแพทย์ วิศวกรรม ทั้งนี้มีผู้ยื่นขอวีซ่าชนิดดังกล่าวประมาณปีละ 6.5 หมื่นคน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่