นาย Fakhriddin กล่าวว่า มีความรู้สึกยินดีมากที่ได้มาเยือนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งโดยส่วนตัวมีความประทับใจและมีโอกาสมาเยือนจังหวัดภูเก็ตในหลายครั้ง โดยอุซเบกิสถานมองว่า จังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมความสัมพันธ์และส่งเสริมพร้อมทั้งขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจระหว่างกัน
กุงสุลใหญ่ อุซเบกิสถานยังกล่าวอีกว่า ถึงแม้ประเทศอุซเบกิสถานอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ต แต่มีความคล้ายคลึงในด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมการดำเนินชีวิต เช่น เรื่องการที่คนไทยมีกิจวัตรที่ตื่นเช้า และมีความขยันขันแข็งอย่างมาก รู้สึกประทับใจต่อไลฟ์สไตล์ที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก รวมไปถึงประทับใจต่อการสร้างภูมิปัญญาและการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของเมืองไทยที่เข้าใจนำคุณค่าของการท่องเที่ยวของคนภายในประเทศ ดังนั้นจึงมีความตั้งใจที่อยากจะแลกเปลี่ยนในหลายๆ เรื่อง ได้แก่ แนวทางการโปรโมทเรื่องการท่องเที่ยว การให้ความสำคัญกับ Soft Power เพราะการท่องเที่ยวของไทยทำให้นักท่องเที่ยวของอุซเบกิสถานมีความสุขกระตือรือร้น และรู้สึกได้เป็นประชากรที่มีคุณภาพจากการท่องเที่ยว นอกจากนี้ อุซเบกิสถานมองว่า ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนด้านธุรกิจที่เชื่อมโยงได้ง่ายที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการของคนไทย โดยเฉพาะผลไม้เขตร้อน เช่น สับปะรด เนื่องจากชาวอุซเบกิสถานมองว่า สับปะรดเป็นผลไม้รสหวานและมักใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลองในโต๊ะรับประทานอาหาร จึงมีความชื่นชมสับปะรดภูเก็ตเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันอุซเบกิสถานถึงแม้จะมีอิสลามเป็นศาสนาหลักแต่ก็ไม่ใช่ศาสนาประจำชาติ และเป็นประเทศที่มีความยืดหยุ่นทางศาสนาและมีความเขื่อมโยงกับพุทธศาสนาและคริสต์ในอดีตเช่นเดียวกัน จึงอยากให้สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศาสนาเพิ่มเติม และมีแผนสร้างความร่วมมือที่จะค้นคว้าวิจัยความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับกรมศิลปากรของไทย ในส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวระหว่างกัน มีแผนการลงทุนการเปิดไฟลท์บินตรงสู่จังหวัดภูเก็ต รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่าง ภูเก็ต- Samarkand ซึ่งในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวอุซเบกิสถานเดินทางเข้าสู่จังหวัดภูเก็ตมากขึ้นเรื่อยๆ จึงคาดหวังว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสมาเยือนและส่งเสริมความสัมพันธ์และภารกิจด้านกงสุลฯ ต่อไป