คุณหมอเข้าพบ พงส. ยืนยันเอาเรื่องจนถึงที่สุด ด้านคุณพ่อขอให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา

ภูเก็ต - คุณหมอผู้เสียหายกรณีทำร้ายร่างกายที่บริเวณหาดยามู เข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับคุณพ่อ ยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้จนถึงที่สุด ทางด้านคุณพ่อได้ฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าไปเข้าข้างคนผิด

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567, เวลา 13:26 น.

จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับเหตุทำร้ายร่างกายที่บริเวณหาดยามู ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา น.ส.ธารดาว จันทร์ดำ อายุ 26 ปี แพทย์ประจำโรงพยาบาลดีบุก แจ้งว่าก่อนเกิดเหตุตนเดินทางไปรับประทานอาหารบริเวณหาดยามู หลังรับประทานอาหารเสร็จได้เดินเล่น บริเวณชายหาดจากนั้นไปนั่งพักผ่อนดูพระจันทร์ที่บันไดคอนกรีต ทางขึ้นไปสนามหญ้าหน้าบ้านของคู่กรณี ชื่อนายออส บีท เฟร์ อายุ 45 ปี สัญชาติสวิส อยู่ติดกับชายหาดดังกล่าว จากนั้นคู่กรณีได้เดินเข้ามาด้านหลังและเตะเข้าบริเวณหลังของผู้เสียหาย และได้มีสายตรวจป่าคลอก 2 นาย เดินทางไปที่เกิดเหตุเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แนะนำให้ผู้เสียหายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดี กับพ.ต.ท.ปฏิวัติ ยอดขวัญ รอง ผกก.(สอบสวน) จากนั้นส่งตัว น.ส.ธารดาว ผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดีบุก พร้อมนัดสอบปากคำคู่กรณี

ล่าสุดวันนี้ (29 ก.พ. 67) พญ.ธารดาว และนายเกษม จันทร์ดำ (คุณพ่อ) ได้เดินทางมายัง สภ.ถลาง เพื่อให้ปากคำกับ พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง โดยมี พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมทำการสอบปากคำในวันนี้

โดยทาง พญ.ธารดาว ยืนยันว่าจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ในส่วนที่ทางคู่กรณีจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมฯ หลังคุณพ่อได้โพสต์ชื่อคู่กรณีในใบแจ้งความ เธอยืนยันว่าเป็นความจริง

“ยืนยันว่าจะสู้เต็มที่ เพราะว่าไม่ควรมีใครที่จะมาโดนเรื่องแบบนี้ ไม่ควรจะมีคนไทยคนไหนมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เข้ามาบอกกันดี ๆ ก็ได้ เพราะเขาก็เห็นแล้วว่าเราเป็นผู้หญิง ยืนยันเต็มที่ว่าจะเอาเรื่องถึงที่สุด” เธอกล่าว “ถ้าเขาจะฟ้องก็ดำเนินการตามกฎหมาย”

“หลังเกิดเหตุก็มีความเครียด มีความกังวล กลัวคู่กรณีเพราะเขารู้จักผู้ใหญ่ ดูเขาเป็นคนที่ร่ำรวย เราเป็นเพียงหมอเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็อยากให้กฎหมายความยุติธรรม และตำรวจเข้ามาช่วยเหลือ ให้ได้รับความยุติธรรมที่คนไทยคนหนึ่งควรได้รับ ส่วนคำพูดเหยียดนั้นก็ไม่ควรจะมีใครที่ถูกโดนเหยียดเช่นนั้น เขาเป็นชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทย มาหากินกับคนไทย ทำงานอยู่ในประเทศไทย อยู่บนแผ่นดินไทย ก็ไม่ควรเหยียดใครว่าใครเป็น local คุณควรจะนับถือเขามากกว่า เราควรอยู่กันอย่างนับถือมากกว่าการเหยียดกัน ต่อให้จะรวยล้นฟ้า หรืออำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่ควรเหยียดใคร”

“ตอนนี้ก็ยังคงเจ็บที่ด้านหลังอยู่ หลังจากที่โดนเตะ ก็ไปฉีดยาต่อที่โรงพยาบาลเพราะว่าปวด น้ำหนักคู่กรณีร้อยกว่า กก. ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ช่วยเหลือให้ได้รับความยุติธรรม และขอให้ความยุติธรรมนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ส่วนคู่กรณีถ้าเข้ามาขอโทษด้วยความจริงใจ ต้องการจะขอโทษจริง ๆ ไม่ใช่กลัวว่าจะโดนคดี ก็ยินดีที่จะรับคำขอโทษของเขา” คุณหมอกล่าว

นายเกษม กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังกลายเป็นเรื่องของการเมืองไปแล้ว ตนเชื่อว่ามีการแนะนำที่พยายามจะแปลงให้หมอเป็นคนวิกลจริต ซึ่งตนคิดว่าเลอะเทอะมาก แต่ได้แนะนำหมอไปว่า ให้พูดไปตามข้อเท็จจริง เราแต่ละคนยุ่งกับการทำงาน ไม่ได้มีเวลาว่างมากมายนัก ความยุติธรรมก็ต้องดูกันไป ก็ขอฝากตำรวจ อย่าไปเข้าข้างคนผิด

“เรื่องนี้จะดำเนินคดีถึงที่สุดเพราะเราถูกกระทำ ก่อนหน้านี้ทำไมคุณพูดอีกแบบหนึ่ง แล้วพอเป็นกระแส ก็เปลี่ยนมาเป็นอีกแบบ เข้าใจสื่อที่ต้องการให้ประนีประนอม จริง ๆ ก็มีการประนีประนอมตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตามที่ลูกสาวเสนอไปสามข้อ แต่ฝ่ายคู่กรณีไม่สนใจ ส่วนตำรวจชั้นผู้น้อยสองคนที่ไปทางเราไม่ติดใจ เพราะถูกสั่งให้ไปตามหน้าที่ อยากให้ฝ่ายยุติธรรมปกป้องคนที่เป็นพลเมืองของไทย ไม่ใช่ปกป้องพลเมืองที่เป็นต่างด้าว เพราะมีข้อสงสัยหลายอย่าง ที่ไม่ควรเป็นเช่นนั้น”

“มันถึงเวลาแล้วที่คนภูเก็ตจะต้องลุกมาพูดเรื่องนี้ ให้เกิดการบริหารจัดการให้ชัดเจนในเรื่องของทุนข้ามชาติซึ่งกดคนภูเก็ตอยู่ เดินชายหาดก็ไม่ได้ ไม่ได้ต้องการอะไรมาก ต้องการการทำคดีที่ตรงไปตรงมา ส่วนจะมีใครแทรกแซงคดีทางสังคมก็จับตามองอยู่” นายเกษม กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ภาสกร กล่าวว่า “สำหรับผู้ถูกกล่าวหา กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็จะออกหมายเรียก เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป ไม่กังวลอะไร เพราะในวันนี้ทางคุณหมอ ก็นำรายงานการตรวจจากแพทย์โรงพยาบาลดีบุกมาประกอบสำนวนแล้ว เพราะความหนักเบาของข้อหาอยู่ที่ลักษระของบาดแผล และการรักษาที่แพทย์ลงความเห็นมา”

“ตอนนี้ท่านผู้ว่าฯ ได้ตั้งคณะตรวจสอบความประพฤติของต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ต ผ่านคณะกรรมการโดยมีตรวจคนเข้าเมืองเป็นเลขาฯ เพราะในช่วงที่ผ่านมาก็จะมีชาวต่างชาติบางคนประพฤติตนไม่เหมาะสม ถ้าเข้าข่ายในการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ก็จะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด” พ.ต.อ.ภาสกร กล่าว “ในส่วนการปฏิบัติงานของตำรวจก็ขอให้เชื่อมั่นที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่