หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ประกาศนโยบาย Made in USA. ต้องการให้ผู้ผลิตสินค้าทุกประเภทย้ายฐานการผลิตกลับสู่ประเทศสหรัฐ สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ ทำให้เป็นที่จับตามองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
นายเคียวอิจิ ทานาดะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า นโยบาย ดังกล่าวไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยโดยตรง แต่ต้องจับตาผลกระทบระหว่างประเทศสหรัฐกับประเทศจีน เพราะหากจีนได้รับผล กระทบจะมีผลกระทบต่อเนื่องถึงประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ สำหรับโตโยต้ามีฐานการผลิตอยู่ในประเทศสหรัฐเป็นจำนวนมากใกล้เคียงกับฐานการผลิตในประเทศญี่ปุ่น ในอนาคตเชื่อว่าจะต้องมีการเพิ่มฐานการผลิตในประเทศสหรัฐอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามฐานการผลิตในประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญสำหรับโตโยต้า
ด้าน นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหารบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฐานการผลิตมาสด้าในประเทศไทยไม่มีผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว เนื่องจากผลิตเพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคอาเซียนและแถบทวีปเอเชียเป็นหลัก โดยบริษัทแม่ประเทศญี่ปุ่นมีการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ที่มีฐานการผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก
น.ส.อนงค์ ศุภราวงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเรียกบริษัทผู้ผลิตต่างๆ นอกประเทศสหรัฐเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ระยะเวลาและการพิจารณาอย่างรอบคอบสำหรับบริษัทผู้ผลิตรายต่างๆ ทั่วโลก แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นผล กระทบต่อนโยบายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามประเด็นการตั้งกำแพงภาษีของประเทศสหรัฐที่เป็นหนึ่งในนโยบายลูกที่สอดคล้องกับนโยบาย Made in USA. ว่าจะมีผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกสินค้าทั่วโลกไม่เพียงแต่รถยนต์เท่านั้น
นอกจากนี้ บลูมเบิร์กรายงาน ว่า บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เสียแชมป์แบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก ประจำปี 2559 หลังครองแชมป์ต่อเนื่องมานาน 4 ปี โดยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% อยู่ที่ 10.18 ล้านคัน ตามหลัง โฟล์คสวาเกน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.8% อยู่ที่ 10.3 ล้านคัน