โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนและสมาร์ททีวี เนื่องจากวิตกว่าบรรดาแฮ็กเกอร์อาจนำโค้ดคอมพิวเตอร์ที่วิกิลีกส์ระบุว่าใช้ในการเจาะระบบ ไปโจมตีทางไซเบอร์และสร้างความเสียหายในต่างประเทศ
รายงานระบุว่า การสืบสวนจะมุ่งค้นหาว่าวิกิลีกส์ใช้วิธีการใดในการครอบครองเอกสารดังกล่าว และมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พนักงานหรือบริษัทคู่สัญญาเป็นผู้ทำเอกสารดังกล่าวรั่วไหล นอกจากนี้ซีไอเอจะสืบหาว่าวิกิลีกส์ยังมีเอกสารที่ไม่ได้รับการเปิดเผยหรือไม่
เฮเธอร์ ฟริสต์ ฮอร์เนียก โฆษกของซีไอเอ ประณามการกระทำของวิกิลีกส์ที่เปิดเผยเอกสารดังกล่าว เนื่องจากทำให้ประชาชนสหรัฐตกอยู่ในอันตราย และบั่นทอนศักยภาพของประเทศในการต่อสู้กับภัยก่อการร้าย อีกทั้งจะช่วยให้ผู้ไม่หวังดีสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวกลับมาทำร้ายสหรัฐได้
อย่างไรก็ดี ฮอร์เนียก ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าเอกสารทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ ขณะที่ ฌอน สเปนเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์ว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์นี้ และผู้ใดก็ตามที่เปิดเผยเอกสารลับของทางราชการจะต้องถูกดำเนินคดีสูงสุดตามกฎหมาย
นอกจากนี้ รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวจากภายในหน่วยข่าวกรองของสหรัฐว่า เอกสารจำนวนเกือบ 9,000 ฉบับที่เว็บไซต์วิกิลีกส์ระบุว่าเป็นบันทึกการพูดคุยของซีไอเอในระหว่างปี 2013-2016 นั้นเป็นเอกสารที่ถูกใช้งานจริง โดยหนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ผู้ที่ลักลอบนำเอกสารลับออกไปให้แก่วิกิลีกส์น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทคู่สัญญาของหน่วยงาน ซึ่งซีไอเอสืบรู้มาว่ามีการลักลอบนำข้อมูลออกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และกำลังตรวจสอบเจ้าหน้าที่ทุกคนว่ามีใครที่สามารถเข้าถึงเอกสารเหล่านั้นได้บ้าง
ทั้งนี้ วิกิลีกส์ระบุว่า การเปิดโปงเอกสารเมื่อวันที่ 7 มี.ค. เป็นเพียงชุดแรกและจะทยอยเปิดเผยอีกเป็นระยะๆ โดยในระยะหลัง บริษัทคู่สัญญาของ ซีไอเอถือว่าเป็นสาเหตุหลักในการรั่วไหลของข้อมูลลับของรัฐบาล เช่นในกรณีของ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน ที่ทำงานให้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ)
