ตม.ภูเก็ต ชี้แจงประเด็นสื่อต่างชาติประโคมข่าว นทท.รัสเซียมาทำงานในภูเก็ต แย่งงานคนไทย

ภูเก็ต - จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงาน ชาวภูเก็ตรวมตัวกันร้องเรียนหน่วยงานภาครัฐให้เข้าควบคุมชาวรัสเซียที่ประกอบธุรกิจบนเกาะ หลังเริ่มขยายตัวจนคุกคามกิจการคนไทย

เอกภพ ทองทับ

วันศุกร์ ที่ 8 กันยายน 2566, เวลา 14:09 น.

ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคมปีนี้ มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาในไทยมากกว่า 400,000 คน เพิ่มขึ้นประมาณสองเท่าจากช่วงก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งส่วนหนึ่งเข้ามาด้วยวีซ่าพำนักระยะยาว ประเภทลงทุน และซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ และโอกาสถูกเกณฑ์ทหาร หลังจากรัสเซียบุกโจมตีประเทศยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ปัญหาหลักที่ชาวภูเก็ตกังวล คือ การที่ชาวรัสเซียแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ จนทำให้ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตแพงขึ้น และเข้ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมักจะดำเนินกิจการผ่านแอปพลิเคชันภาษารัสเซีย และมีการจ้างงานผิดกฎหมาย อีกทั้งยังทำธุรกิจค้าประเวณี เพื่อขายบริการทางเพศในกลุ่มคนรัสเซียด้วยกันโดยเฉพาะ

ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย. 66) ที่ห้องประชุม ตม.ภูเก็ต ได้มีการแถลงข่าว ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ รวมถึงจังหวัดภูเก็ต จึงได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 8 โดย พล.ต.ท .สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต บูรณาการกำลังร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจท่องเที่ยว, จัดหางาน, ขนส่ง, ฝ่ายปกครอง, กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น บูรณาการกำลังตรวจสอบชาวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือได้กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุที่เป็นภัยอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดซึ่งอาจกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จนถึงปัจจุบัน (31 ส.ค.) พบว่ามีสถิตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนกว่า 2,569,052 คน โดยจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซียจำนวน 487,504 คน (คิดเป็นร้อยละ 19.34) ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ามาท่องเที่ยว ระยะสั้น ๆ และเดินทางกลับ ในส่วนของนักท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซียที่มีวีซ่าระยะยาวและพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตปัจจุบัน มีจำนวน 9,275 คน (คิดเป็นร้อยละ 1.9) โดยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66. ได้ปรากฏข่าวซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดภูเก็ตในสื่อออนไลน์ ว่า "สื่อนอกตีข่าว ชาวภูเก็ตโวย รัสเซียแห่ทำธุรกิจยึดกิจการคนไทย" โดยเนื้อหาข่าวได้กล่าวถึงการกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์, การประกอบธุรกิจท่องเที่ยวหรือการขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น, การทำงานที่ผิดกฎหมายและแย่งงานคนไทย, การแอบเข้ามากบดานของคนร้ายสัญชาติรัสเซีย ซึ่งรายละเอียดข้อมูลของประเด็นต่าง ๆ ตามข่าว ทาง ตม.ภูเก็ต มีคำอธิบายดังต่อไปนี้

จากสถิติการกระทำความผิดของคนต่างด้าว ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จนถึงปัจจุบัน (31 สิงหาคม 2566) พบว่า มีคนต่างด้าวกระทำความผิดจำนวน 635 ราย ในจำนวนนี้ เป็นคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซียจำนวน 78 ราย (คิดเป็นร้อยละ 12.28) โดยมีฐานความผิดที่เกี่ยวกับการทำงาน จำนวน 6 ราย

ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ได้ร่วมกับหน่วยงานในจังหวัดภูเก็ตดำเนินโครงการ "ที่พักสีขาวสำหรับชาวต่างชาติ(ปลอดอาชญากรรมและยาเสพติด) จังหวัดภูเก็ต " (Phuket Crime-Free) โดยให้เจ้าของที่พัก และประชาชนชาวภูเก็ต ร่วมกันสอดส่อง ชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยในจังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการกับชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่พึ่งประสงค์หรือมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกภาคส่วน จนโครงการประสบผลสำเร็จ สามารถควบคุมและดำเนินการกับคนต่างด้าวที่กระทำความผิดอย่างเป็นรูปธรรม โดย ผบ.ตร.ได้มีนโยบายให้เป็นจังหวัดตัวอย่าง และให้จังหวัดอื่นๆ ดำเนินการตามโครงการนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จังหวัดภูเก็ต ขอเรียนให้ท่านทราบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงานบูรณาการ เพื่อตรวจสอบและปราบปรามจับกุมชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำความผิด รวมถึงเฝ้าระวังพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ ได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรม พัฒนาแอปพลิเคชัน Traffy fondue เพื่อเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการแจ้งเบาะแส หากท่านใดพบเห็น หรือรับทราบการกระทำความผิดของคนต่างด้าว สามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชั่น Traffy fondue หรือ ตม.จว.ภูเก็ต โทร. 087-9115850 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป

เรื่องที่เป็นประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ “สื่อนอกตีข่าว ชาวภูเก็ตโวย รัสเซียแห่ทำธุรกิจยึดกิจการคนไทย” ชาวรัสเซียแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ จนทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในภูเก็ตแพงขึ้น

นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ประเด็นราคาอสังหาริมทรัพย์ฯ มีปัจจัยหลายปัจจัย หน้าที่หลัก ๆ ของสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว คือการนำนักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้มากที่สุด และเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากที่สุด วันนี้รัสเซียกลายเป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งที่เข้ามาที่ภูเก็ต แต่จะเห็นว่านักท่องเที่ยวรัสเซียที่อยู่ในระยะยาวมีจำนวนน้อยมาก เพราะฉะนั้นราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นไม่อยู่ที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ที่ราคาสูงขึ้นน่าจะเกิดจากปัจจัยการเปิดประเทศและสภาพเศรษฐกิจที่เติบโต ทำให้นักลงทุนนอกพื้นที่ที่มาลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้

ในส่วนของการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของคนต่างด้าว แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มีสิทธิซื้อที่ดิน จึงไม่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น และ 2. สิทธิ์ของต่างชาติที่สามารถซื้อได้คือ ในส่วนอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโด ซึ่งจากการสอบถามสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตก็ได้รับคำตอบว่ามีการครอบครองในอัตราปกติ แต่ก็อาจมีที่คนต่างด้าวอาจใช้ช่องทางอื่นในการเช่าที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ระยะยาว

ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่าทางหน่วยงานของ ตม.จว.ภูเก็ต และหน่วยงานตำรวจในพื้นที่มีระบบที่สามารถตรวจสอบติดตามชาวต่างชาติว่าพักอาศัยอยู่ที่ใด เช่นแจ้งการแจ้งที่พักตามมาตรา 38 ซึ่งจะได้ข้อมูลในเชิงลึกว่าชาวต่างชาติครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ อย่างไร

ในส่วนของประเด็นชาวรัสเซียเข้ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งมักจะดำเนินกิจการผ่านแอปพลิเคชันภาษารัสเซีย และมีการจ้างงานผิดกฎหมาย

นายอัดชา บัวจันทร์ ขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากที่มีรายงานข่าวขาวรัสเซียเข้ามาประกอบอาชีพขับรถรับจ้างโดยให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน โดยขนส่งจังหวัดได้ตรวจสอบจากช่องทางต่าง ๆ ที่รับเรื่องร้องเรียน ยังไม่พบข้อมูลชาวรัสเซียเข้ามาประกอบอาชีพขับรถรับจ้าง แต่จะมีในส่วนของชาวต่างชาติสัญชาติเมียนมาที่ขับรถรับจ้าง ในส่วนนี้ทางขนส่งได้แจ้งไปยังจัดหางานจังหวัดเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งในส่วนของแอฟพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Grab จะเป็นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้รับผิดชอบและตรวจสอบแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในส่วนของขนส่งจะตรวจสอบเฉพาะผู้ขับขี่ที่ลงทะเบียนในแอปพลิเคชันเท่านั้น ซึ่งยังไม่พบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซียแต่อย่างใด

พ.ต.ท.เอกชัย ศิริ รอง ผกก.2 บก.ทท.3 (ตำรวจท่องเที่ยว) กล่าวว่า การทำธุรกิจการท่องเที่ยวในปัจจุบันมีสถิติที่ยังน้อยกว่าก่อนช่วงโควิด ซึ่งข้อมูลที่ว่านักท่องเที่ยวรัสเซียทะลักเข้ามาแล้วทำเอฟเฟค คิดว่าไม่มี และบริษัทนำเที่ยวที่สนามบินจะมีการแจ้งรายชื่อนักท่องเที่ยวให้ตำรวจท่องเที่ยวทราบอยู่แล้ว ซึ่งมีประมาณ 15 บริษัท มีคนรัสเซียทำงานในบริษัทดังกล่าวและมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง สำหรับพวกที่เป็นประเด็นตามข่าว น่าจะไม่ได้เป็นบริษัททัวร์ อาจจะเห็นช่องทางจึงมีการลักลอบทำผิดกฎหมาย ขอฝากความร่วมมือของประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส

ทางด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ได้ตรวจสอบรถแท็กซี่ที่ให้บริการในจังหวัดภูเก็ตอยู่เป็นประจำ ยังไม่พบนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาขับรถแท็กซี่แต่อย่างใด

ประเด็นชาวรัสเซียเข้ามาแย่งงานคนไทยในภูเก็ต เช่น ร้านตัดผม นายพิชิต สิงห์ทองคำ จัดหางานจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ข้อมูลล่าสุดมีรัสเซียเข้ามาขอใบอนุญาตทำงาน 2,619 คน ซึ่งสำนักงานจัดหางานได้มีนโยบายหลักที่เป็นมาตรการควบคุมและกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ จะไม่ออกใบอนุญาตทำงานโดยเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมามีการจับกุมในปี 2566 มีการจับกุมเกี่ยวกับการทำงานของคนต่างด้าวประมาณ 20 คดี มีคนสัญชาติรัสเซียเพียง 3 ราย

ส่วนปัญหาการก่ออาชญากรรมของกลุ่มมาเฟียรัสเซีย พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวกับสัญชาติรัสเซียประมาณ 3 คดี ซึ่งทางตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหา และออกหมายจับในส่วนที่หลบหนีได้ทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายกับผู้ต้องหาหจะรู้จักกันมาก่อน และมีการประกอบธุรกิจร่วมกัน ซึ่งยืนยันว่าในส่วนที่เป็นมาเฟียไม่มีอย่างแน่นอน

ที่ผ่านมา จังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการโครงการที่พักสีขาวสำหรับชาวต่างชาติ (ปลอดอาชญากรรมและยาเสพติด จังหวัดภูเก็ต: Phuket Crime-Free) จนประสบผลสำเร็จสามารถควบคุมและดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ดี สามารถเป็นแบบอย่างให้กับจังหวัดอื่นได้ ซึ่งวันนี้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ได้สะท้อนการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาที่เป็นความทุกข์ร้อนของคนภูเก็ต มีการร่วมกันแก้ไขปัญหา โดย หน่วยงานรัฐ บูรณาการกำลังตั้งชุดปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน มีการกำหนดช่องทางในการแจ้งเบาะแส และหมายเลขสายด่วนที่ชัดเจน โดยจะมีการประเมินผลการปฏิบัติทุกสัปดาห์ และจะนำเสนอให้ประชาชนทราบผ่านทางสื่อมวลชนทุกเดือน

“ขอฝากสื่อมวลชนในการกระจายข่าวให้คนภูเก็ตรับทราบ เพื่อให้ช่วยกันชี้เป้า แจ้งเบาะแส และนำเสนอผลการปฏิบัติให้ประชาชนรับทราบ โดยหากสามารถจับกุมได้ จะมีรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งโครงการที่พักสีขาวสำหรับชาวต่างชาติฯ กำลังเติบโตและพัฒนาไปในทางที่ดีเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาภูเก็ต คล้ายกับการพัฒนาของเพจสายไหมต้องรอด” พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่