บลูมเบิร์ก รายงานว่า การเมืองสหรัฐร้อนแรงขึ้นอีกครั้งหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อาจต้องเผชิญกับการถอดถอน หลังหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยว่า ทรัมป์ได้กดดันให้ เจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ระงับการสอบสวน ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคง ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้จากกรณีเกี่ยวโยงกับรัสเซีย โดยทรัมป์สั่งปลดโคมีย์เมื่อสัปดาห์ก่อน
รายงานระบุว่า โคมีย์บันทึกการสนทนาทั้งหมดกับทรัมป์ ซึ่งอาจทำให้ทรัมป์เสี่ยงมีความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือประพฤติไม่เหมาะสม
การเปิดเผยยังเกิดขึ้นหลังรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวทำเนียบขาวว่า ทรัมป์เปิดเผยข้อมูลลับสุดยอดเกี่ยวกับกองกำลังติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ได้รับมาจากหน่วยข่าวกรองของประเทศพันธมิตรให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้เปิดเผยว่า พร้อมที่จะเปิดเผยเทปบันทึกการสนทนาระหว่างทรัมป์ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่าทรัมป์เปิดเผยข้อมูลลับกับรัสเซีย
ด้านผลสำรวจโดยพับลิก โพลิซี โพลลิ่ง พบว่า ชาวอเมริกันสนับสนุนถอดถอนทรัมป์ 48% เทียบกับคัดค้านที่ 41% ขณะที่แกลลัพโพล พบว่าชาวอเมริกัน 57% ไม่พอใจกับผลงานของทรัมป์
ความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ซื้อขายล่วงหน้าเมื่อวานนี้ย่อตัวลง 0.6% ฉุดดัชนีทั่วเอเชียแปซิฟิก เช่น ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นปิดตัวแดนลบ 0.5% และดัชนีเอสแอนด์พี 200 ของออสเตรเลียปิดลบ 1.1% ขณะที่ดัชนีค่าเงินเหรียญสหรัฐร่วงติดต่อกันเป็น วันที่ 6 สวนทางค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นและทองคำงวดส่งมอบทันทีที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.
โทโมอิชิโระ คุโบตะ นักวิเคราะห์จากมัตซุย ซีเคียวริตีส์ ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า "ในสถานการณ์ตอนนี้คุณไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดการถอดถอนออกไปได้เลย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่นักลงทุนจะเข้าซื้อค่าเงินเหรียญสหรัฐ"
ด้านสเตนี โฮเยอร์ ประธานวิปพรรคเดโมแครต กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงก่อนที่จะเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการถอดถอน ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงและควรจะเป็นไปอย่างถูกต้อง มากกว่าทำเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง
โดยกฎหมายสหรัฐเปิดทางให้ถอดถอนผู้นำในกรณีความผิดกบฏ ติดสินบน และก่ออาชญากรรมร้ายแรง
