ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ สั่งปลด เจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ซึ่งรับผิดชอบสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือน พ.ย. 2016 โดยให้เหตุผลว่าโคมีย์รับมือเหตุการณ์แฮ็กอีเมลของฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ได้ไม่ดีนัก
รอยเตอร์ส รายงานว่า คำสั่งปลดโคมีย์สร้างความประหลาดใจและความสงสัยให้กับหลายฝ่าย โดยสมาชิกพรรค เดโมแครตหลายรายระบุว่า ทรัมป์พยายามสกัดโคมีย์ให้พ้นทาง ขณะที่โคมีย์เข้าใกล้ความจริงเกี่ยวกับกรณีการแทรกแซงของรัสเซีย
ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแหล่งข่าวเกี่ยวข้องว่า ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนทรัมป์สั่งปลดโคมีย์ อัยการกลางสหรัฐส่งหมายศาลไปให้ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐ เพื่อขอเอกสารการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง หลังฟลินน์ถูกบีบให้ลาออกเมื่อเดือน ก.พ. เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงการคุยโทรศัพท์กับ เซอร์เกย์ คิสยัก ทูตรัสเซียประจำสหรัฐได้
ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า การส่งหมายศาลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเอฟบีไอมีความคืบหน้าสำคัญในการสืบสวนสายสัมพันธ์ระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์และรัสเซีย
ด้านสมาชิกพรรคเดโมแครตบางรายยังเสริมว่า การกระทำดังกล่าวของทรัมป์ คล้ายกับกรณี "การล้างบางในคืนวันเสาร์" เมื่อปี 1973 ซึ่งอดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ปลดอัยการพิเศษที่สืบคดีอื้อฉาวพัวพันประธานาธิบดีสมัยนั้นออกจากตำแหน่ง
ชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครต เปิดเผยว่า การสั่งปลด โคมีย์คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของทรัมป์ เนื่องจากการสืบสวนของเอฟบีไอเกี่ยวกับประเด็นรัสเซีย คือหนทางเดียวในการฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนอเมริกันนอกจากนี้เอฟบีไอไม่ควรได้รับผลกระทบจากประเด็นทางการเมือง เพื่อให้สามารถดำเนินการสืบสวนอย่างอิสระ
คำสั่งปลดดังกล่าว ยังเกิดขึ้นก่อน ทรัมป์พบปะส่วนตัวกับ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 10 พ.ค.
