ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ยืนยันปกป้องสิทธิของชาว LGBT จากการถูกเลือกปฏิบัติ พร้อมแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงคนใหม่
สิทธิและการคุ้มครองชาว LGBT จากการถูกกีดกัน และเลือกปฏิบัติในการทำงานของชาวสหรัฐนั้น ยังคงได้รับการปกป้อง และดำเนินต่อไปภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ รายงานจากทำเนียบขาวที่ออกมาให้คำมั่นสัญญาดังกล่าว
นโยบายดังกล่าวถูกลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา เมื่อปี 2014 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องบรรดาผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
คำประกาศใหม่นี้เป็นผลมาจากก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าประธานาธิบดีคนใหม่อาจกำลังพิจารณายกเลิกนโยบายของโอบามานี้ อย่างไรก็ตามคำมั่นสัญญาที่ทำเนียบให้แก่ชาว LGBT กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์
Chad Griffin ประธานจากกลุ่ม Human Rights Campaign ออกมากล่าวว่าการไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งของโอบามานั้น เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เทื่อเทียบกับสิ่งที่ทรัมป์ทำกับบรรดาผู้อพยพ, ชาวมุสลิม และผู้หญิงมากมายที่ทุกวันนี้ต้องมีชีวิตด้วยความหวาดกลัว เพราะทรัมป์ นับตั้งแต่เข้ามาในทำเนียบขาว ทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากบ่อนทำลายความเท่าเทียมของอเมริกา
นโยบายสนับสนุนบรรดาชาว LGBT นี้ นับว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นนโยบายที่ปกป้องแรงงานชาวสหรัฐกว่า 28 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของแรงงานทั้งหมด
สำหรับการทำงานด้านอื่นๆ ล่าสุดประธานาธิบดีได้แต่งตั้ง Neil Gorsuch ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เขต 10 เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโรลาโด ขึ้นเป็นผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐ แทนที่ Antonin Scalia ผู้พิพากษาคนเก่าที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน หลังดำรงตำแหน่งมานานกว่า 30 ปี
โดยทรัมป์ระบุว่า Gorsuch นั้นมีความเหมาะสมทุกประการทั้งประวัติการทำงาน และการศึกษา ส่งผลให้ Gorsuch เป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุดที่มีอายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 49 ปี
ด้านหลายฝ่ายวิจารณ์ เนื่องจากผู้พิพากษาคนใหม่นั้นเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม ส่งผลให้ขณะนี้ในจำนวนผู้พิพากษาสูงสุดของสหรัฐทั้ง 9 คน มีผู้พิพากษาถึง 5 คนที่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยม สร้างความกังวลว่าอาจส่งผลต่ออนาคตของประเทศ เนื่องจากศาลดังกล่าวมีหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจกับรัฐบาล แต่ในรัฐบาลของทรัมป์นี้ ศาลสูงสุดกับมีจำนวนผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมมากกว่าเสรีนิยม ในขณะที่รัฐบาลเองก็เป็นอนุรักษ์นิยมเช่นกัน