ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ลงนามข้อตกลงการค้า การลงทุน และการซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ครั้งใหญ่กับซาอุดิอาระเบีย มูลค่า 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 12 ล้านล้านบาท) เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยข้อตกลงมีผลเบื้องต้นทันทีในวงเงิน 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.77 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นพันธมิตรที่ดีกับซาอุดิอาระเบียอีกครั้ง หลังจากที่มีปัญหากันมาในสมัยประธานาธิบดี บารัก โอบามา
ในการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของทรัมป์ ซึ่งมีซาอุดิอาระเบียเป็นชาติแรกในบรรดา 8 ประเทศตะวันออกกลางและยุโรป ได้มีการลงนามข้อตกลงการค้าและการลงทุนกับหลายบริษัท ตั้งแต่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ พลังงาน ไปจนถึงเคมีภัณฑ์ อาทิ บริษัท เจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ซึ่งลงนามข้อตกลงไป 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 5.12 แสนล้านบาท) บริษัท เอ็กซอนโมบิล บริษัท ดาว เคมิคอล และบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน
นิวยอร์ก ไทมส์ ระบุด้วยว่า จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ ยังเป็นผู้ช่วยจัดแจงดีลด้วยการโทรศัพท์ถึงมาริลีน ฮิวสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของล็อกฮีด มาร์ติน โดยตรงเพื่อขอให้ช่วยลดราคาระบบตรวจจับขีปนาวุธทันสมัยให้ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่ทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงมหาศาลครั้งนี้จะช่วยสร้างตำแหน่งงานใหม่ได้นับหมื่นอัตราในสหรัฐ
ทั้งนี้ ข้อตกลงซื้อขายอาวุธแบ่งได้เป็น 5 ประเภทใหญ่ คือ ความมั่นคงด้านพรมแดน ความมั่นคงชายฝั่ง การยกระดับกองทัพอากาศ ความมั่นคงไซเบอร์ และระบบต่อต้านขีปนาวุธ ซึ่งรวมถึงระบบทาดที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ โดยซาอุดิอาระเบียถือเป็นประเทศคู่ค้าด้านอาวุธอันดับ 1 ของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสุดยอดอาหรับ อิสลามิก อเมริกัน วานนี้ เพื่อขอให้กลุ่มประเทศมุสลิมร่วมกันต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสให้ทรัมป์ได้สมานความสัมพันธ์กับโลกมุสลิมอีกครั้ง หลังจากที่กล่าวโจมตีมุสลิมมาเป็นเวลานานในช่วงการหาเสียง และยังออกนโยบายห้ามการเดินทางด้วย
เอชอาร์ แม็คมาสเตอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า ทรัมป์จะได้พบและร่วมรับประทานอาหารกับผู้นำมุสลิมกว่า 50 ประเทศ และกล่าวสุนทรพจน์ที่ประทับใจและตรงไปตรงมา เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่ง นอกจากนี้ จะหารือร่วมกับ 6 ประเทศกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ (จีซีซี) โดยเป็นส่วนหนึ่งของการต้านอิทธิพลของอิหร่านด้วย
