จึงได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต-นปพ.ภ.จว.ภูเก็ตมาควบคุมสถานการณ์ จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รักษาการณ์ รอง.ผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต-สายตรวจรุดไปตรวจสอบและระงับเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ภายในของสถานพินิจฯ พบเจ้าหน้าที่สถานพินิจกำลังกระจายกำลังออกตรวจสอบบริเวณโดยรอบ เพื่อตรวจสอบผู้ต้องขังหลบหนี ขณะที่ภายในได้มีเจ้าหน้าที่สถานพินิจและตำรวจกำลังพูดคุยกับผู้ต้องขังชายที่เป็นเยาวชนผ่านประตูลูกกรง เพื่อสอบถามสาเหตุที่ทุบทำลายทรัพย์สินต่างๆ เช่น กระจกหน้าต่างและข้าวของจนได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันผู้ต้องขังยังคงใช้เหล็กที่มาจากราวตากผ้าทุบกระจกหน้าต่างพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำและตำรวจต่างเตรียมความพร้อม โดยมีเพียงกระบองที่เข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งใช้เวลาราว 30 นาที จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆไว้ได้ โดยไม่มีการเข้าชาร์จหรือจับกุมหรือใช้กำลังแต่อย่างใด พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องขังชายเยาวชนจำนวน 11 คนออกจากพื้นที่สถานพินิจ เพื่อนำตัวไปยังเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
พ.ต.ท.นิกร กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชนชายที่ก่อเหตุพยายามจะเรียกร้องความสนใจให้เจ้าหน้าที่นำตัวเพื่อนผู้ต้องขังที่เป็นผู้นำกลุ่มกลับมาคุมขังที่สถานพินิจ หลังถูกแยกตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตเมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชนต่างถิ่นที่สถานพินิจ เพราะเกิดการเขม่นและไม่พอใจกันขึ้น
ทั้งนี้สืบเนื่องจากระหว่างวันที่ 14-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการนำผู้ต้องขังเยาวชนทั้งหมดเป็นชาย 31 และหญิง 7 คนไปทัศนศึกษาที่เกาะโหลน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นได้มีการขอยาเส้นจากชาวบ้านในพื้นที่มาม้วนใบจากสูบ แต่มีการแบ่งยาเส้นไม่ทั่วถึง จึงเกิดการเขม่นและไม่พอใจระหว่างกลุ่มกันขึ้น จึงมีการย้ายผู้ต้องขัง 4 คนออกจากสถานพินิจไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชายที่เป็นเพื่อนรักกับผู้ต้องขังทั้ง 4 จึงเป็นที่มาของการทุบทำลายทรัพย์สินในครั้งนี้ อย่างไรก็ดีอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง