หลังจากช่วงบ่ายของวันที่ 18 ส.ค. ที่บางลา ถนนคนเดินสายบันเทิงเส้นสำคัญของจังหวัดภูเก็ต อิลลูชั่นสถานบันเทิงยามค่ำคืน ภายในเป็นไนต์คลับขนาดใหญ่ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมแผนดับเพลิงและอพยพหนีไฟ อำเภอกะทู้ ประจำปี 2565
สำหรับการฝึกซ้อมในครั้งนี้ได้มีการสมมติเหตุการณ์เสมือนจริง ว่ามีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นภายในสถานบันเทิงอิลลูชั่น ถนนบางลา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย การฝึกซ้อมได้ดำเนินการอพยพคนออกมาได้หมดทุกคน และนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงจนสงบลง
นายปรีชาวุฒิ หรือปราบ กี่สิ้น ผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง ประธานพิโซน่ากรุ๊ป และผู้ก่อตั้งมูลนิธิพัฒนาป่าตอง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการสถานบันเทิงบนถนนบางลาในการป้องกันและรับมือกับอัคคีภัย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน โดยยืนยันว่าอุปกรณ์การก่อสร้างสถานบันเทิงภายในถนนบางลาใช้วัตถุที่ยากต่อการติดไฟ และมั่นใจว่าจะไม่ซ้ำรอยกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ไทเกอร์ผับเมื่อ 10 ปีก่อน ที่เกิดเหตุในช่วงเช้ามืดของวันที่ 17 ส.ค. 2555 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 4 ราย และบาดเจ็บนับสิบราย
“กรณีของอุปกรณ์การก่อสร้างของสถานบันเทิงในปัจจุบัน จะไม่เหมือนกับสมัยของไทเกอร์ ที่เขามีการใช้อุปกรณ์การตกแต่งแบบฉีดโฟมยุคเก่า ในปัจจุบันอุปกรณ์ที่ใช้ถือว่าทันสมัยมากขึ้น ถ้าเทียบกับกรณีไทเกอร์ ยุคใหม่ ๆ เราแทบไม่มีอุปกรณ์ที่เป็นเชื้อเพลิงหรือง่ายต่อการติดไฟเลย แม้แต่ผ้าม่านหรือการใช้โฟมต่าง ๆ” นายปรีชาวุฒิ กล่าว
“สถานบริการบนถนนบางลาส่วนใหญ่จะไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถติดไฟได้ง่ายเลย ผู้ประกอบการทุกรายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ประกอบกับภาครัฐที่คอยกวดขันควบคุมกำกับสถานบริการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง”
“นอกจากนี้ สถานบันเทิงส่วนใหญ่บนถนนบางลา ไม่มีการปรุงอาหารหรือสะสมแก๊ส ทั้งยังมีในส่วนของระบบไฟฟ้ามาตรฐานระดับโลกและการป้องกันอัคคีภัย การติดตั้งป้ายบอกทางออกและไฟนำทางที่ชัดเจน การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการดับไฟ เช่น ลูกบอลดับเพลิงอัตโนมัติ การฝึกอบรมและเตรียมพร้อมรับมือภัยในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการทำประกันภัย ทั้งในส่วนของการประกันชีวิตและทรัพย์สิน” เขาอธิบายเพิ่มเติม
จากการลงพื้นที่ถนนข้าวสารของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อพบกับผู้ประกอบการหารือประเด็นการขยายเวลาการเปิดสถานบันเทิง จากปิดเที่ยงคืนเป็น 04.00 น. ให้ผู้ประกอบการเตรียมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น โดยถนนข้าวสารเป็น 1 ใน 8 พื้นที่นำร่อง ให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มศักยภาพ หลังวิกฤติโควิด-19
อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและอีกหลายด้าน รวมถึงการเตรียมสถานที่ให้ผู้ที่อาศัยบริเวณใกล้เคียง สามารถเข้ามาประกอบอาชีพได้ เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจฐานราก
พร้อมแข่งขันระดับโลก เตรียมรองรับการขยายเวลาถึงตี 4
ทางด้านนายปรีชาวุฒิได้แสดงความชื่นชมและสนับสนุน แนวคิดในการขยายเวลาจนถึงตี 4 อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งชูว่า นโยบายสาธารณะรอบนี้นับเป็น “ความฉลาดในการบริหารแผ่นดินที่ดีที่สุด”
“เพื่อให้เราสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ การขยายเวลาถึงตี 4 ถือว่าเป็นความฉลาดในการบริหารแผ่นดินที่ดีที่สุด เหมาะสมกับการที่จะทำให้เมืองท่องเที่ยวไปต่อได้ดี เชื่อว่าจะมีผลดีมากกว่าผลเสียแน่นอน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
“บางลาเตรียมความพร้อมมาเกือบ 30 ปี ถ้าให้เปิดถึงตี 4 ผมคิดว่าเราคงจะปรับตัวได้ง่าย เชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เสริมสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยการลงทุน เพื่อแข่งขันต่อในระดับโลกได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวนานาชาติ เพราะมันไม่สามารถทำทุกเมือง และแม้แต่ที่ป่าตองเองเราก็ทำได้แค่โซนที่ 1 จาก 7 โซน ซึ่งบางลาก็เป็นถนนที่ยาวไม่กี่ร้อยเมตร มีพื้นที่เพียงไม่ถึง 1 ตร.กม.”
มูลค่าทางเศรษฐกิจยังต้องดูกันต่อไป คงต้องใช้เวลาให้กลับไปดีขึ้นอีกครั้ง แม้อาจจะไม่เท่าช่วงก่อนยุคโควิด ทั้งผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวยังต้องดูแลตัวเอง แม้เราจะรู้อยู่ร่วมกับโรคได้ดีขึ้นและมีวัคซีนเพียงพอ แต่การติดโควิด-19 ก็ยังไม่ใช่เรื่องสนุก
เวลาปิดไม่ใช่ปัญหา หากเข้มความปลอดภัย
ในส่วนของความปลอดภัยกับการขยายเวลาให้บริการสถานบันเทิงถึง 04.00 น. นายปรีชาวุฒิ เน้นย้ำว่า เวลาปิดสถานบันเทิงไม่ใช่ประเด็น ตราบใดที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเข้มงวดมาตรฐานด้านความปลอดภัย
