เบื้องต้นช่วงเช้าที่ผ่านมา มีพนักงานของปางช้างดังกล่าว เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ ส่วนตัวนายเดวิดและภรรยานั้นวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ปางช้าง
นายสุทัศน์ นิยมไทย ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า กรณีนี้จดในนามของบริษัทก็สามารถทำได้ ในส่วนของมูลนิธิจะเป็นอำนาจของมหาดไทย ซึ่งการจดต้องดูว่า จดรายละเอียดของมูลนิธิต่าง ๆ มาอย่างไร ในส่วนของปศุสัตว์จะดูหลัก ๆ คือ พ.ร.บ. 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.รูปพรรณสัตว์ 2558 และ พ.ร.บ.การทารุณกรรมสัตว์ 2557 จากการตรวจสอบตอนนี้ยังไม่พบ เพราะตั๋วรูปพรรณครบถูกต้อง ทราบว่าในส่วนมหาดไทยก็ดำเนินการอยู่ สำหรับช้างในปางทั้งหมดมี 14 เชือก ตรวจสอบถูกต้องทั้งหมด มีไมโครชิพถูกต้อง สุขภาพของช้างแข็งแรงสมบูรณ์ดี การดูแลอยู่ในเกณฑ์ดี
ทางด้าน สส.เฉลิมพงศ์ กล่าวว่า ในวันนี้ที่เดินทางลงพื้นที่เพราะมีข้อมูลข้อสงสัยในการทำธุรกิจปางช้าง ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ร่วมลงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปศุสัตว์ กรมอุทยานพันธุ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ และฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันนี้มาตั้งข้อสังเกตในการประกอบธุรกิจปางช้าง บริษัทมีการจดจัดตั้งหรือว่าทุนของบริษัท ถูกต้องหรือไม่ การดำเนินงานของมูลนิธิช้าง การนำช้างเข้ามาถูกต้องหรือไม่ ซึ่งทางปศุสัตว์จะนำไปดู ทางบริษัทยืนยันถูกต้องว่ามีไมโครชิพ และที่ต้องเชิญกรมป่าไม้มา เพราะต้องตรวจสอบพื้นที่ ที่ดิน ที่ทำธุรกิจนี้อยู่ในพื้นที่ป่าหรืออุทยานหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะทำเรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบวีซ่าหรือพาสปอร์ต ในการดำเนินธุรกิจของเจ้าของ ว่ามีการถูกรูปแบบวีซ่าอะไร ที่จะมีการตรวจสอบตามขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป
“วันนี้ภาคข้าราชการภูเก็ตก็ตื่นตัว พยายามหาข้อสงสัย ตอบสังคมพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต รวมถึงแหล่งธรรมชาติ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ในเรื่องของหาด ในเรื่องของพื้นที่การทำธุรกิจเหล่านี้ครับ เรื่องปางช้างก็มีข้อสงสัย ที่จะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน สอบการเสียภาษีของปางช้าง รวมทั้งการจดจัดตั้งมูลนิธิ ที่จะต้องสอบถามไปยังมหาดไทย หรือนายอำเภอถลางว่าการขอจัดตั้งมูลนิธินี้ได้ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ ต้องตรวจสอบทุกขั้นตอน” นายเฉลิมพงศ์ กล่าว
