“จระเข้ลูกผสมตัวนี้ไม่ใช่ตัวแรกที่พบในประเทศไทย เนื่องจากในประเทศไทยมีฟาร์มจระเข้จำนวนมากจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จระเข้จะเกิดการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์”
“ในประเทศไทยยังมีจระเข้น้ำเค็มหลงเหลืออยู่ แต่ไม่ทราบถึงจำนวนที่แน่ชัดว่ามีเท่าไหร่ ทั้งนี้คาดว่าน่าจะเหลืออยู่น้อยเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตของจระเข้น้ำเค็ม”
ทางด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า “เนื่องจากจระเข้ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้ลูกผสม จึงไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติดังเดิมได้ แต่ตามหลักแล้ว ถ้าหากว่าจระเข้ที่พบเป็นจระเข้น้ำเค็ม ก็จะต้องปล่อยคืนสู่แหล่งธรรมชาติที่เหมาะสมในทางระบบนิเวศ ที่มีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์อื่นๆ”
นายไพศาล สุขปุณพันธ์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส ศูนย์วิจัยและพัฒนาเพาะเลี้ยงประมงชายฝั่ง ผู้ดูแลจระเข้ตัวดังกล่าว เปิดเผยว่า “สภาพร่างกายของเจ้าเลพังตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์แข็งแรง เริ่มปรับตัวกับที่อยู่อาศัยได้ดีมากขึ้น ไม่มีภาวะเครียดหรือซึมเศร้า และเริ่มกินอาหารแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะหั่นไก่เป็นชิ้น เสียบไม้ยาวและยื่นป้อนเข้าปาก โดยจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆกระทั่งสามารถปรับตัวได้เอง”
“ทั้งนี้มีแผนการว่าจะปรับปรุงพัฒนาบ่อซีเมนต์ให้ดีขึ้น แต่ต้องรอคำอนุมัติจากทางกรมประมงและทางจังหวัดเสียก่อน”
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมหารือเรื่องมาตรการการจัดการจระเข้ “เลพัง” ยังไม่ได้มีกำหนดวันและเวลาที่แน่นอนแต่อย่างใด