ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาแม่น้ำสองสายหลักของอินเดียจะมีสถานะทางบุคคลทางกฏหมาย นั่นคือมีสถานะไม่ต่างจากประชาชนชาวอินเดียทุกคน ซึ่งหมายความว่าหากใครก็ตามที่ทำร้าย หรือส่งผลกระทบต่อแม่น้ำนั้นจะเท่ากับเป็นการทำร้ายบุคคลอื่น และอาจเผชิญบทลงโทษทางกฏหมาย โดยคำประกาศใหม่นี้มีขึ้นเพื่อปกป้องแม่น้ำจากการถูกทำลายทางสิ่งแวดล้อม
ไอเดียนี้เกิดขึ้นโดยศาลสูงของรัฐอุตตราขัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ได้ประกาศให้แม่น้ำคงคา และแม่น้ำยมุนา แม่น้ำสองสายหลัก และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู มีสถานะเป็นบุคคล (ที่ไม่ใช่บุคคลจริงๆ) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอินเดีย โดยได้แรงบันดาลใจมากจากนิวซีแลนด์ หลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศให้แม่น้ำวันกานุย มีสถานะบุคคลทางกฏหมาย เพื่อปกป้องระบบนิเวศของแม่น้ำไว้ไม่ให้ถูกทำลายลง
คำประกาศใหม่นี้ได้รับการยกย่องจากบรรดานักสิ่งแวดล้อมในอินเดีย จากรายงานพวกเขาระบุว่าถึงแม้จะมีโรงบำบัดน้ำเสียจำนวนหลายสิบโรงที่คอยบำบัดน้ำในแม่น้ำคงคาความยาว 1,569 ไมล์ และแม่น้ำยมุนาความยาว 855 ไมล์ แต่ความพยายามดังกล่าวนั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยให้แหล่งน้ำสะอาดขึ้นได้
รายงานการสำรวจในปี 2014 พบว่า ในแม่น้ำคงคามีของเสียกว่า 792 ล้านแกลอนถูกทิ้งลงในแม่น้ำทุกๆวัน ในขณะที่ข้อมูลจากคณะกรรมการมลพิษกลางของอินเดีย เคยทำการสำรวจในปี 2011 พบว่า น้ำจากแม่น้ำยมุนามีปริมาณแบคทีเรียมากถึง 1.1 พันล้านต่อปริมาณน้ำ 100 มิลลิลิตร ซึ่งค่ามาตรฐานนั้นอยู่ที่เพียงจำนวน 500 ต่อน้ำ 100 มิลลิลิตรเท่านั้น
ทั้งนี้ชื่อของแม่น้ำคงคา มาจากชื่อของเจ้าแม่คงคาตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ชาวฮินดูมองว่าแม่น้ำสายนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาใช้เพื่อการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กินดื่ม อาบชำระร่างกาย ตลอดจนลอยขี้เถ้าของผู้เสียชีวิต
