เดอะมิร์เรอร์รายงานวันที่ 25 พ.ค. ถึงผลการสอบสวนคดีก่อการร้ายในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ว่ากล้องวงจรปิดจับภาพนายซัลมาน อะเบดี มือระเบิดวัย 22 ปี ไปเดินห้างเพื่อซื้อเป้ หรือกระเป๋าสะพายหลัง คาดว่าเป็นใบเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุสังหารเหยื่อ 22 ราย ในงานคอนเสิร์ตของนักร้องสาวอะรีอานา กรานเด วันที่ 22 พ.ค.
สกายนิวส์เผยแพร่ภาพวงจรปิดดังกล่าว พร้อมรายละเอียดว่าบันทึกในช่วงเวลาราว 2 ทุ่มวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. นายอะเบดีใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ม สวมหมวกแก๊ป เข้าไปซื้อเป้ดังกล่าวในห้าง
ด้านเอเอฟพีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับครอบครัวนายอะเบดี ว่าชายหนุ่มเคยพูดถึงความต้องการที่จะล้างแค้นให้กับเพื่อนชาวลิเบียที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชาวอังกฤษรุมแทงจนเสียขีวิตเมื่อปีที่แล้ว โดยเดือนเกิดเหตุเป็นเดือนพฤษภาคมเช่นเดียวกัน
สำหรับเหยื่อในเหตุการณ์มีชื่อว่า อับดุล วาฮับ ฮาฟิดาห์ ถูกแทงที่คอและวิ่งหนีจนเสียชีวิตอยู่ในย่านมอสส์ ไซด์ของเมืองแมนเชสเตอร์ วันที่ 12 พ.ค. เหตุดังกล่าวมีวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกดำเนินคดี 6 คน รวมถึงหนุ่มอายุ 15 ปี ทั้งหมดให้การปฏิเสธ
“เหตุการณ์นั้นทำให้วัยรุ่นเชื้อสายลิเบียพากันโกรธแค้น โดยเฉพาะซัลมาน เขาแสดงออกชัดว่าต้องการแก้แค้น ในขณะที่เราทำให้วัยรุ่นคนอื่นๆ ที่รู้สึกว่าถูกทำร้ายเพราะเป็นมุสลิม ใจเย็นลง แต่กับซัลมานแล้ว เขาไม่มีทีท่าว่าจะลืมเหตุการณ์นี้เลย ผมเองเป็นคนหนึ่งที่คุยกับเขาเพื่ออธิบายว่ามันเป็นอาชญากรรมเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องศาสนาเชื้อชาติ” แหล่งข่าวกล่าว
ดิ อินดีเพนเดนต์ รายงานถึงคลิปวิดีโอภาพนายซัลมาน อะเบดี หนุ่มอังกฤษเชื้อสายลิเบีย วัย 22 ปี ก่อนก่อเหตุวางระเบิดงานคอนเสิร์ตที่แมนเชสเตอร์ อารีนา สังหารเหยื่อ 22 ราย และบาดเจ็บ 64 ราย เป็นภาพที่นายอะเบดีสวมชุดคลุมตั้งแต่ศีรษะ เดินมาเทขยะที่หน้าบ้านในเขตทางใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์
เพื่อนบ้านที่ถ่ายคลิปนี้ไว้เมื่อปีที่แล้วเล่าว่า นายอะเบดีเป็นหนุ่มผอมสูง มักใส่ชุดที่แสดงความเป็นศาสนิกชน
ขณะเดียวกันไทมส์ออฟลอนดอนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ประเทศลิเบียว่า ก่อนนายอะเบดีจะก่อเหตุ 15 นาที ได้โทร.หาแม่และน้องชื่อฮาเชม พูดกับแม่ว่า อภัยให้ตนด้วย
นายรอมฎอน พ่อ และนายฮาเชม น้องชายของนายอะเบดี ถูกจับสอบสวนอยู่ที่ลิเบีย นายฮาเช ให้การในรายละเอียดได้มาก หลังสารภาพว่ารู้ถึงแผนการทั้งหมดของพี่ชาย
สำหรับนายฮาเชม อายุ 20 ปี ก็ถูกจับตาเช่นกันว่าเชื่อมโยงกับสมาชิกรัฐอิสลาม หรือไอเอส
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ร่วมสอบสวนด้วย พ่อและแม่ของนายอะเบดีเคยแจ้งเจ้าหน้าที่ถึงพฤติกรรมของลูกที่เป็นอันตราย เคยเกลี้ยกล่อมให้กลับลิเบียด้วยการปลอมพาสปอร์ต แต่นายอะเบดีกลับบอกว่าพร้อมจะไปแสวงบุญที่ซาอุดีอาระเบีย แต่จริงๆ แล้วกลับไปที่เมืองดุสเซลดอร์ฟของเยอรมนี ในช่วง 4 วันก่อนก่อเหตุ
ญาติผู้หญิงคนหนึ่งเผยว่า นายอะเบดีเปลี่ยนไปสุดโต่งตั้งแต่เพื่อนชาวลิเบียในอังกฤษ ถูกกลุ่มวัยรุ่นอังกฤษแทงเสียชีวิต และประกาศว่าจะต้องล้างแค้นให้ได้
