แผนที่โลกถูกก่อวินาศกรรมในช่วง 2 ทศวรรษ

บราซิล - ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคงทั่วโลกสะท้อนออกมาเป็นแผนที่ ซึ่งนับการก่อเหตุวินาศกรรมทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยติดจุดแดงในแผนที่โลกที่ถูกก่อวินาศกรรมในช่วง 2 ทษวรรษ

ข่าวสด

วันศุกร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2560, เวลา 12:01 น.

ภาพโดย Earth Time Leaps

ภาพโดย Earth Time Leaps

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. อินดิเพนเดนต์รายงานถึงความถี่ในการเกิดเหตุก่อการร้ายทั่วโลก โดยอ้างจากงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านความมั่นคงทั่วโลกและสะท้อนมาเป็นแผนที่ ซึ่งนับการก่อเหตุวินาศกรรมทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้สังเกตได้ว่า ประเทศไทยก็ติดอยู่ในจุดที่ถูกก่อเหตุเช่นกัน

การทำวิจัยดังกล่าวมีขึ้นระหว่างทีมนักวิจัยของคาร์เนจี เมลลอน ร่วมกับ โรเบิร์ต มักกาห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทั่วโลกและผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ อิการาเป ในประเทศบราซิล

ทีมวิจัยได้คิดค้นโปรแกรมที่ตอบสนองกับผู้ใช้หรือ Interactive platform ที่ชื่อว่า เอิร์ธ ไทม์ ลีปส์ (Earth Time Leaps) โดยเป็นการแสดงจุดสีแดงซึ่งหมายถึงความถี่ในการเกิดเหตุวินาศกรรมที่โยงกับอัตราการเสียชีวิตของเหยื่อโดยอิงจากฐานข้อมูลการก่อการร้ายทั่วโลก

สำหรับข้อมูลในปี 2539 ที่แสดงให้เห็นถึงการก่อเหตุอย่างเข้มข้นในอเมริกากลางและภูมิภาคเอเชียใต้ โดยเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นอย่างเหตุระเบิดรถไฟในอินเดียเมื่อเดือนธันวาคม คร่าชีวิตเหยื่อ 33 ราย

ขณะที่ในปี 2540 ก็มีเหตุการณ์สำคัญอย่างระเบิดฆ่าตัวตายในอิสราเอลที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายและผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 คน รวมไปถึงเหตุวางระเบิดในอียิปต์และศรีลังกา ตลอดจนการกราดยิงในอินเดียจนมีผู้เสียชีวิต 23 รายและเจ็บอีก 31 คน

สถิติการก่อการร้ายเกิดขึ้นมาโดยตลอดจนกระทั่งมาสร้างสถิติการสูญเสียสูงสุดกับเหตุการณ์ก่อการร้ายเครื่องบินชนตึกเวิลด์ เทรด เซนเตอร์ ที่สหรัฐในวันที่ 11 กันยายน ปี 2544 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,700 คน ในมหานครนิวยอร์ก

และอีกหนึ่งเหตุการณ์ในปี 2547 กับการวางระเบิดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน

เหตุการณ์ปะทุขึ้นต่อเนื่องกับการก่อการร้ายในตะวันออกกลางที่นับตั้งแต่ปี 2548 ก็มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นรายวันในประเทศอิรัก อัฟกานิสถานและปากีสถาน

ในช่วงระยะเวลาอันใกล้อย่างในช่วงปี 2553-2557 เมื่อสงครามอิรักจบสิ้นแต่ความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นรายวันข้ามพรมแดนไปยังซีเรีย จนทำให้กรุงดามัสกัส และเมืองอเลปโปกลายเป็นสถานที่ก่อวินาศกรรมรายวัน

เหตุการณ์ตัวอย่างไม่ว่าจะเป็นเหตุคาร์บอมบ์ในกรุงดามัสกัสซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปราว 80 ชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 250 คน แต่กระนั้นก็ตามสหรัฐยังคงเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญอย่างกับที่เกิดขึ้นระหว่างการวิ่งมาราธอนที่นครบอสตันกับเหตุระเบิดที่คร่าชีวิตผู้คนไป 5 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 คน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่