โครงการนี้เดิมทีตั้งใจจะปรับปรุงพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าโครงการมีความล่าช้า ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จเสียที และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยทาง ส.ส.เฉลิมพงศ์ ได้ระบุในโพสต์ว่า ตนได้เข้าติดตามโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่รอบขุมน้ำในหาน ต.ราไวย์ งบประมาณ 72 ล้านบาท เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนว่าโครงการล่าช้า ไม่สามารถใช้พักผ่อนหย่อนใจได้ ไม่สามารถวิ่งออกกำลังกาย และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุกับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีการก่อสร้างเป็นเวลานานแต่ยังไม่แล้วเสร็จ
“เบื้องต้น ผมได้พูดคุยและประสานกับ นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ทราบว่า บริษัทผู้รับเหมาทิ้งงาน” นายเฉลิมพงศ์ กล่าว
“เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทางนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จึงเป็นต้องยกเลิกสัญญา เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำ TOR เปิดประมูลหาผู้รับเหมารายใหม่”
อย่างไรก็ตาม ส.ส.เฉลิมพงศ์ได้ใช้โอกาสนี้ ประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการทำงาน ประสงค์อยากรับงานนี้ต่อ สามารถเข้าไปประมูลงานในระบบ E-bidding ได้
การปรับทัศนียภาพรอบหนองน้ำในหาน ถูกเปิดเผยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 โดย นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ว่า งบประมาณสำหรับโครงการปรับภูมิทัศน์บริเวณรอบหนองน้ำในหานตั้งไว้ที่ประมาณ 60-70 ล้านบาท
“ทัศนียภาพรอบหนองน้ำในหานไม่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว ทางเทศบาลเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องปรับทัศนียภาพรอบ ๆ บริเวณ เพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้านก็เปลี่ยนไป” นายอรุณ กล่าว
โครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยเลนจักรยาน เลนคนเดิน และเลนคนวิ่ง ซึ่งแยกชัดเจนจากเลนสำหรับรถยนต์หรือจักรยานยนต์ ซึ่งจากรายระเอียดตามป้ายประกาศ ระบุว่า โครงการ : ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบหนองน้ำในหาน จะมีการก่อสร้างช่องทางจักรยาน แอสฟัลท์ติกคอนกรีต พื้นที่ไม่น้อยกว่า 4,932 ตร.ม., ก่อสร้างทางเดินออกกำลังกาย กว้างไม่น้อยกว่า 2.50 ม. ยาวไม่น้อยกว่า 1,973 ม. และติดตั้งระบบไฟส่องสว่าง จำนวน 162 ชุด, เริ่มต้นโครงการ 16 ส.ค. 66 วันสิ้นสุดโครงการ 15 ม.ค. 68 รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งสิ้น 518 วัน และราคางานก่อสร้าง 66.6 ล้านบาท แต่กลับถูกทิ้งร้างไม่มีการก่อสร้างต่อ จนกระทั่งทีมงานของ ส.ส.เฉลิมพงศ์ ได้มาลงพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา
ความขัดแย้ง
โพสต์ของ ส.ส.เฉลิมพงศ์ ได้รับความสนใจจากผู้คนผ่านบัญชีโซเชียลมีเดีย หลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้าง ของ อบจ.ภูเก็ต ที่ผู้รับเหมาทิ้งงาน บริเวณ ขุมน้ำในหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก สจ.โอภาส ชอบดี ประธานสภา อบจ.ภูเก็ต ได้ออกมา คอมเมนต์ ว่า “เ-ือก”
จากนั้น ส.ส.ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล หรือ ส.ส.กันต์ ส.ส. จังหวัดภูเก็ต เขต 3 พรรคประชาชน ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นพฤติกรรมที่พี่น้องประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสิน
“เงินภาษี ของพี่น้อง ที่เราควรช่วยกันตรวจสอบ ปกป้อง ตามหน้าที่ กลับกลาย โดนโจมตี แบบนี้ คุณมีเงื่อนงำ อะไรหรือไม่ครับ” ส.ส.ฐิติกันต์ โพสต์ “ไม่ต้อง ส่งลิ่วล้อ มาปกป้อง ว่าเป็นแอคหลุม เป็นแอคปลอมล่ะ คนเขาส่องมาหมดแล้ว ฝากนายก เรวัติ อารีรอบ อบรมมารยาท ทีมงานบ้างนะครับ พี่น้อง ประชาชนฝากมาครับ” เขากล่าว
ทางด้าน นายเรวัติ อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้ปกป้องสิทธิของ ส.ส. ที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ และกล่าวว่าการแสดงออกของนายโอภาสเป็น “ความโง่เขลา” เพราะ ส.ส. เขามีสิทธิที่จะตรวจสอบ นายโอภาสไม่ควรพูดจาเช่นนั้น “สจ.โอภาสบ้า ไปว่า ส.ส. เเบบนั้นได้อย่างไร เขาก็ทำงานของเขา” นายเรวัต เปิดเผยกับ The Phuket News “ไว้เดี๋ยวผมจัดการหลังเสร็จงานนี้” เขากล่าวเสริม
นายเรวัตตระหนักดีถึงบทบาทของ ส.ส. จังหวัดภูเก็ต ในฐานะที่เคยเป็น ส.ส. ภูเก็ต ตัวแทนของพี่น้องชาวภูเก็ตในสภาผู้แทนราษฎรถึงสองสมัย
งบประมาณก่อสร้าง
นายเรวัตชี้แจงว่าสัญญาฉบับก่อนหน้านี้มีมูลค่า 66 ล้านบาท ซึ่งได้มาจากกระบวนการประกวดราคา ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยต่ำกว่างบประมาณที่โครงการได้รับจัดสรรไว้ 72 ล้านบาท
“แม้จะมีราคาเฉลี่ย แต่ระบบประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับราคาที่ต่ำสุดก่อน” นายเรวัตกล่าวเสริม อย่างไรก็ตาม นายก อบจ.ภูเก็ต ปฏิเสธที่จะอธิบายว่าทำไมสัญญามูลค่า 66 ล้านบาทจึงได้รับการอนุมัติ แม้ว่า อบจ. จะทราบอยู่แล้วว่าไม่เพียงพอต่อการดำเนินการโครงการให้แล้วเสร็จ
“บริษัท ศศิวารัย คอนสตรัคชั่น จำกัด ชนะการประมูลโดยตัดราคาบริษัทอื่นไป 6 ล้านบาท แต่หลังจากเริ่มก่อสร้างแล้ว งบประมาณก็หมดลง และไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ทำให้ต้องหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง” นายเรวัต กล่าว
นายเรวัตได้อธิบายกับ The Phuket News เพิ่มเติมด้วยว่า เขามีความกังวลอย่างมากว่า บจก.ศศิวารัย คอนสตรัคชั่น อาจฟ้องร้องให้ยกเลิกสัญญา และหากบริษัท ศศิวารัย คอนสตรัคชั่น ตัดสินใจฟ้องร้อง อบจ. อาจแพ้คดีได้
ทั้งนี้ อบจ.ได้บอกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา และได้ประกาศให้สาธารณชนรับทราบตามขั้นตอน พร้อมกับรวบรวมเอกสารส่งไปยังปลัดกระพรวงการคลัง เพื่อพิจารณาว่าผู้รับเหมา [บจก.ศศิวารัย คอนสตรัคชั่น] ทิ้งงาน
“ศศิวารัย คอนสตรัคชั่น ได้รับเงินจาก อบจ. เพียง 7-8 ล้านบาท พวกเขาทำงานเพียงสัปดาห์เดียวแล้วก็หยุด ดังนั้นเราจึงหยุดจ่ายเงิน เพราะเราไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะทำงานต่อไปได้” นายเรวัต กล่าว “โชคดีที่ไม่มีการจ่ายเงินเพิ่มเติม ดังนั้นงบประมาณส่วนใหญ่จึงยังคงอยู่ครบถ้วนเพื่อจ่ายให้กับผู้รับเหมารายใหม่”
สัญญาฉบับใหม่
นายเรวัตให้คำมั่นว่า อบจ.ภูเก็ต มีเป้าหมายที่จะคัดเลือก “ผู้รับเหมาที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และสามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามสัญญา”
“ผมคาดว่าโครงการปรับปรุงใหม่จะแล้วเสร็จภายในต้นเดือนมกราคม 2569” นายเรวัต ให้คำมั่น “การประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสัญญาใหม่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 พ.ค. และจะเปิดให้เสนอราคาเป็นเวลาหนึ่งเดือน” เขากล่าว
ภายใต้ข้อกำหนดอ้างอิงรายละเอียดในการจัดจ้าง (TOR) ราคากลางของงานก่อสร้างในสัญญาใหม่ครั้งนี้เป็นเงิน 73,994,975.03 บาท ในประกาศประกวดราคาไม่ได้กำหนดวันที่เริ่มงาน ก่อสร้าง แต่กำหนดระยะเวลาดำเนินโครงการคือ 518 วัน
ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีงานก่อสร้างประเภทเดียวกับที่เสนอราคางานก่อสร้างไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท และงานดังกล่าวเป็นสัญญาโดยตรงกับ “หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตให้ความไว้วางใจ” เมื่อปิดรับข้อเสนอในวันที่ 30 พ.ค. จะต้องคัดเลือกผู้เสนอราคาที่ประสบความสำเร็จภายใน 7 วัน และต้องลงนามสัญญากับ อบจ. ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง
ผู้รับจ้างที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อกำหนดอ้างอิง (TOR) และรายละเอียดโครงการฉบับเต็มได้ทางเว็บไซต์ของ อบจ. ที่ https://phuketpao.go.th/news/detail/89095
