ได้ลงพื้นที่ ชายหาดป่าตองเพื่อประเมินผลการบริหารจัดการชายหาดป่าตอง หลังจากที่ได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี เพื่อตรวจสอบปัญหา ข้อบกพร่อง และหารือหาข้อแก้ไข โดยได้เน้นย้ำในด้านการดำเนินการแก้ปัญหาให้ยั่งยืน เนื่องจากจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันพื้นที่บางส่วนเริ่มกลับมาสู่สภาพเดิมแล้ว
รูปแบบการดำเนินการนั้นจะทำโดยการแบ่งกันเป็นกลุ่ม โดยทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไข ทั้งผู้ได้และเสียผลประโยชน์ โดยจุดเด่นในการจัดการแก้ไขจะมุ่งเน้นเพื่อให้ชาวต่างชาติประทับใจและกลับมาเที่ยวที่นี่อีก โดยจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ดีแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุง พล.ต. พรศักดิ์ กล่าว
สำหรับผู้ที่ยังฝ่าฝืนกฎอยู่นั้น จะมีการบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ส่งต่อมายังรองนายก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งมอบหน้าที่ให้กองทัพภาคที่ 4 ได้ลงมาดำเนินการ ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 4 ก็ได้มีการศึกษาดูงานกับทางกองทัพภาคที่ 1 มาแล้ว และได้ทำตามไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไข โดยหลักๆแล้วผู้ที่รับผิดชอบจะต้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ทางกองทัพเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น
สำหรับพื้นที่บริเวณชายหาดที่มีการปักร่มและเตียงบริเวณชายหาด นั้น ก็ต้องมาช่วยกันคิดแก้ไข โดยรองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการจัดโซนนิ่งสำหรับการวางเตียงทราย 10% ในพื้นที่ทั้งหมดของชายหาด แต่ก็ยังมีส่วนบกพร่องที่ต้องหารือกันอีกในภายภาคหน้า
ด้านนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ได้เผยถึงกรณีนี้เช่นกัน โดยได้เน้นย้ำในด้านการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนตามที่รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวไว้ ซึ่งในด้านการจัดระเบียบชายหาดนั้นกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีปัญหาบ้างเนื่องจากยังจัดระเบียบได้ไม่ตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยวเท่าที่ควร แต่หลังจากการสังเกตการณ์มาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้เห็นถึงความต้องการชัดขึ้น และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
นางสาวเฉลิมลักษณ์ ยังได้กล่าวถึงปัญหาน้ำทะเลเป็นสีน้ำตาลบริเวณชายฝั่งหาดป่าตอง โดยกล่าวว่าเกิดจากปรากฏการณ์แพลงก์ตอน บลูม เนื่องจากในน้ำทะเลมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัสมากเกินไป จึงจำเป็นต้องหาวิธีแก้ปัญหา โดยได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมภาคอยู่ตลอด โดยตอนนี้การแก้ไขเบื้องต้นคือการนำไนโตรเจนหรือสิ่งปฏิกูลในน้ำไปบำบัดโดยได้รับการอนุเคราะห์จากเทศบาลกะทู้ และกำลังดำเนินการของบประมาณสำหรับจัดทำศูนย์บำบัดน้ำเสียในป่าตอง
นายณัฐกฤษณ์ พลเพชร นักวิชาการชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติแลสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ได้ชี้แจงเกี่ยวกับแพลงก์ตอน บลูมว่า แพลงก์ตอนบลูมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก และจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์เท่านั้น แต่ก็จะกลับมาได้อีกหากในน้ำมีสารอินทรีย์มากเกินไป ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหานี้คือการบำบัดน้ำเสีย
นายกป่าตอง กล่าวทิ้งท้ายว่า ต่อไปก็จะมีการนัดแนะพูดคุยกับผู้ที่มีบริการซักผ้าหยอดเหรียญให้ปล่อยน้ำเสียให้ตรงท่อที่จะจัดให้ เพราะฟอสฟอรัสที่พบในน้ำทะเลนั้นเกิดจากการซักล้าง โดยคาดการณ์ว่ามาจากเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในป่าตอง ซึ่งยังไม่มีการบังคับใช้ระบบบำบัดน้ำเสีย
ส่วนการแก้ปัญหาแบบอื่นๆ ตอนนี้กำลังพิจารณาการปลูกผักตบชวาบริเวณคลองปากบางเพื่อให้ช่วยดูดซับไนโตรเจน ทั้งนี้ต้องทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าน้ำในบริเวณดังกล่าวเหมาจะปลูกผักตบชวาหรือไม่ ต่อไป