เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 68 ร.ต.ต.บัญชา แก้วกระเศรษฐ รอง สว.(จร) สภ.วิชิต รายงานผลการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจรบริเวณปากอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร เมื่อวันที่ 7 พ.ค.68 ที่ผ่านมาต่อ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต ซึ่งเป็นห้วงการกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดตามนโยบายของ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต
โดยมีการตรวจค้นจับกุม นายวีระยุทธ อายุ 39 ปี บ้านอยู่หมู่ 4 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมของกลางยาบ้า ควบคุมตัวกลับไปสอบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาบ้า ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.วิชิต ดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 1 เม็ดไว้ในครอบครอง, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และขับรถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกาย โดยมีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายนายวีระยุทธ ผลเป็นบวก
ต่อมา พ.ต.ต.วิทยา กุลน้อย สว.สส.พร้อมด้วย ร.ต.ต.สุนทร นุ่นคง รอง สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน สภ.วิชิต ได้ขยายผลถึงที่มาของยาบ้าของผู้ต้องหา ทำให้ชุดสืบสวนเข้าจับกุม นายอับดุลเลาะ อายุ 29 ปี บ้านอยู่หมู่ 7 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนหนึ่ง นำตัวส่งพนักงานาสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และเข้าจับกุมนายอาฟิส อายุ 26 ปี บ้านอยู่หมู่ 5 ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส
จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต ดำเนินคดีในข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และยังได้ขยายผลเข้าจ้บกุม นายอโนชา หรือ เอ๋ อายุ 40 ปี บ้านอยู่หมู่ 9 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ 1 ชุดนำตัวส่งดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้ สำหรับนายอโนชานั้นมีการลักลอบขายยาบ้าให้กับผู้เสพเม็ดละ 60 บาท โดยรับยาบ้ามาจากเอเย่นต์ครั้งละ 1 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ขายเกือบหมดภายในเวลา 2 วัน
พ.ต.อ.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า “ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมชุดสายตรวจ จร.สภ.วิชิต ที่มีการตรวจเข้มขณะตั้งจุดกวดขันวินัยจราจรตามพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ จนเป็นจุดเริ่มต้นของการจับกุมผู้ต้องหามียาบ้า-เสพยาบ้าขณะขับขี่รถ”
“แม้ว่าจะได้ของกลางที่น้อย แต่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ชุดพิทักษ์วิชิตเริ่มขยายผลไปถึงผู้เสพอีก 2 ราย และขยายผลไปยังเอเย่นต์ขนาดเล็กได้ในที่สุด โดยจะมีการขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายไปยังเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกราย และจะดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดเป็นภัยใกล้ตัวและทำอันตรายต่อครอบครัวของพี่น้องประชาชน” พ.ต.อ.สมศักดิ์ กล่าว