ลลิตา ว่าที่นายกป่าตองคนใหม่ ประกาศใช้งบ 721 ล้านบาทเพื่อชาวป่าตอง

นางลลิตา มณีศรี น้องสาวของ นายเฉลิมศักดิ์ มณีศรี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ชนะการเลือกตั้งเทศบาลเมืองป่าตอง และได้รับการประกาศให้เป็น “นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง” คนใหม่อย่างไม่เป็นทางการ

ณัฏฐ์นรี ลิขิตวัฒนสกุล

วันเสาร์ ที่ 17 พฤษภาคม 2568, เวลา 09:01 น.

ลลิตา มณีศรี และทีมป่าตองสร้างสรรค์ / ภาพ: เฟซบุ๊ก ลลิตา มณีศรี

ลลิตา มณีศรี และทีมป่าตองสร้างสรรค์ / ภาพ: เฟซบุ๊ก ลลิตา มณีศรี

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต (กกต.ภูเก็ต) ได้ยืนยันผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการในพื้นที่เกาะภูเก็ตแล้ว เพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นทางการ บัตรลงคะแนนทั้งหมดจะต้องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อตรวจสอบและรับรอง

นางลลิตา นำทีมป่าตองสร้างสรรค์ คว้าชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 4,458 คะแนน เอาชนะคู่แข่งที่ได้คะแนนใกล้เคียงที่สุดอย่าง เฉลิมลักษณ์ ’จี้หยอย’ เก็บทรัพย์ จากทีมป่าตองฟ้าใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 843 คะแนน

ตรงกันข้ามกับคะแนนเสียงของนางสาวเฉลิมลักษณ์ 3,615 เสียง ผู้สมัครเบอร์ 3 ปกริช กี่สิ้น หัวหน้าทีมรักษ์ป่าตองจับได้ได้รับคะแนนเพียง 1,461 เสียงในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง

นางลลิตาใช้เวลา 4 ปีที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ภายใต้การบริหารของ นายเฉลิมศักดิ์ พี่ชายของเธอ ซึ่งเขาไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัย

“รู้สึกตกใจมากกับผลที่ออกมา กรี๊ดจนเเทบไม่มีเสียง มันเป็นความรู้สึกที่ขอบคุณที่ประชาชนได้เลือก และลงคะแนนเสียงให้เรา ดีใจกับการตอบรับ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่เลือกและไว้วางใจ” นางลลิตา เปิดเผยกับ The Phuket News

“สิ่งเเรกที่เราอยากผลักดันคือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ต้องการที่จะผลักดันเรื่องโครงสร้างถนนหนทาง เพื่อให้ทุกคนได้เดินทางมาป่าตองหรือเดินทางในป่าตองได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมไปถึงทางเท้า ทางเดิน เส้นจราจรต่าง ๆ ที่อยากผลักดันเพราะว่าอยากให้ป่าตอง มีทางเท้าและถนนที่สามารถเดินได้อย่างปลอดภัย การอำนวยความสะดวกในช่วงหน้าโลวซีซั่นที่ฝนจะตก และความสะดวกของคนที่เดินทางมาป่าตอง” เธอกล่าว

อย่างไรก็ตาม นางลลิตาอาจจะไม่สามารถบรรลุทุกความประสงค์ในสภาเมืองป่าตองได้ เพราะทีมป่าตองฟ้าใหม่ ของนางสาวเฉลิมลักษณ์ ชนะการเลือกตั้ง 2 จาก 3 เขตเลือกตั้งของป่าตอง โดยได้ 4 ที่นั่งจากทั้งหมด 6 ที่นั่ง ทั้งในเขต 1 และ 2 แต่ในเขต 3 นำทีมป่าตองสร้างสรรค์ ของเธอสามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั้ง 6 ที่นั่ง

ใช้เงินงบประมาณทำงาน

นางลลิตาอธิบายว่า เธอให้คำมั่นว่าเมืองป่าตองได้รับประโยชน์สูงสุดจากงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ 2568 รายจ่ายที่คาดการณ์ไว้ของเมืองป่าตองทั้งหมดอยู่ที่ 721 ล้านบาท ซึ่งรวมถึง 59.18 ล้านบาทที่จัดสรรไว้สำหรับการบริหารส่วนกลาง, 166.11 ล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร, 299.47 ล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน, 192.03 ล้านบาทสำหรับการลงทุน, 3.69 ล้านบาทสำหรับเงินอุดหนุน และ 525,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งบประมาณได้เติบโตขึ้นในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี นางลลิตาตั้งข้อสังเกตว่าในปีงบประมาณ 2567 รายจ่ายที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมดอยู่ที่ 544 ล้านบาท โดยได้จัดสรรเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง 42.94 ล้านบาท, ค่าบุคลากร 163.59 ล้านบาท, การดำเนินงาน 262.37 ล้านบาท, การลงทุน 71.81 ล้านบาท, เงินอุดหนุน 2.77 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 525,000 บาท

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 เทศบาลฯ มีรายจ่ายรวม 349.48 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายงบประมาณกลาง 36.05 ล้านบาท, รายจ่ายบุคลากร 116.77 ล้านบาท, รายจ่ายดำเนินงาน 186.23 ล้านบาท, รายจ่ายลงทุน 6.17 ล้านบาท, เงินอุดหนุน 2.70 ล้านบาท และรายจ่ายอื่น ๆ 1.57 ล้านบาท

ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เทศบาลเมืองป่าตองมีเงินฝากธนาคารรวม 1,260 ล้านบาท และมีเงินสะสม 752.06 ล้านบาท นางลลิตา กล่าว

และไม่มีเงินสำรองสะสมหรือเงินเบิกจ่ายค้างจ่าย อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลฯ มีภาระผูกพันที่วางแผนไว้สำหรับโครงการในอนาคต 8 โครงการ รวมเป็นเงิน 31.53 ล้านบาท นางลลิตา ชี้แจง

เทศบาลเมืองภูเก็ต

ในส่วนของการเลือกตั้งในตัวเมืองภูเก็ต นายศุภโชค ละอองเพชร จาก “ทีมรักภูเก็ต” เอาชนะคู่แข่งอย่าง นายพิสุทธิ์ สุทธิจินดาวงศ์ หัวหน้าทีมคนหนุ่ม นครภูเก็ต คว้าตำแหน่งว่าที่นายกเทศมนตรีนครภูเก็ตคนต่อไป ในขณะที่ สาโรจน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต คนปัจจุบันไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัย

จากคะแนนเสียงทั้งหมด 22,895 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 49.2 นายสุภโชคได้รับคะแนนเสียง 10,717 คะแนน เทียบกับนายพิสุทธิ์ที่ได้คะแนน 9,980 คะแนน

นายศุภโชคเป็นที่รู้จักจากความพยายามอย่างแข็งขัน ในการแก้ปัญหาขยะมูลฝอยที่โรงงานเผาขยะในสะพานหิน และจากความพยายามในการช่วยป้องกันน้ำท่วมทั่วเขตเมือง

พลิกโผ

สำหรับเทศบาลตำบลกะรน เรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลกะรน ไม่สามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ เพราะนายวัลลภ นาดอน จาก “กลุ่มชาวบ้าน" สามารถคว้าชัยชนะเป็นนายกเทศมนตรีกะรนคนต่อไป ด้วยคะแนนเสียงเพียง 1,597 คะแนน

ในส่วนของเทศบาลตำบลฉลองที่ได้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่าง ธนพร ‘จี้หนุ่ย’ ตรีวงค์ นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน กับ นายสำราญ จินดาพล จาก “กลุ่มฉลองก้าวใหม่” ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า

แม้ว่านายสำราญจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองฉลองด้วยคะแนนเสียง 7,147 คะแนน ซึ่งมากกว่าคะแนนเสียงของนางธนพรที่ได้ 4,651 คะแนนอย่างเห็นได้ชัด แต่สภาเทศบาลเมืองฉลองยังคงแบ่งฝ่ายกัน โดยแต่ละพรรคได้ที่นั่งในสภาเทศบาลเมืองฉลอง 6 ที่นั่ง ทั้งในเขต 1 และ 2

นายเทมส์ ไกรทัศน์ จาก “ทีมทุ่มเทพัฒนาราไวย์” เป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว ที่เข้าชิงที่นั่งนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 5,694 คะแนน ในขณะที่ นายอรุณ โสฬส อดีตนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ หลังถูกดำเนินคดีทุจริต

นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ จาก “กลุ่มพัฒนาวิชิต” ชนะการเลือกตั้งและยังคงนั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต ในขณะที่ นายจิรายุส ทรงยศ จาก “ทีมโก้ยุสรัษฎา” ได้เข้ามาแทนที่ อดีตนายกเทศมนตรี นายนครินทร์ ยอแสงรัตน์ ทีมรัษฎากล้าเปลี่ยน ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีคนใหม่ของ ทต.รัษฎา

นายปัณยา สำเภารัตน์ จาก “ป่าคลอกก้าวหน้า” ก็สามารถป้องกันตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอกได้สำเร็จ

นายสุนิรันดร์ รชตะพฤกษ์ “กลุ่มก้าวใหม่เชิงทะเล” ในฐานะผู้สมัครเพียงคนเดียวได้นั่งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชิงทะเล ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 1,840 เสียง จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 2,220 เสียง

และท้ายสุด นายเฉลิมพล เกิดทรัพย์ จาก “ทีมศรีสุนทรเป็นหนึ่ง” ก็ยังคงสามารถรักษาที่นั่งนายกเทศมนตรีตำบลศรีสุนทรเอาไว้ได้ ด้วยคะแนนเสียง 8,211 เสียง และที่นั่งในสภาเทศบาลฯ จำนวน 12 ที่นั่ง จากทั้งหมด 14 ที่นั่ง










 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่