การทำกำไรให้ได้มากที่สุดทั้งในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศนั้นจริง ๆ แล้วมีกลยุทธ์การเทรดหุ้นที่คล้ายคลึงกัน ก็คือการที่นักผู้ลงทุนจำเป็นต้องรู้แผนงานของบริษัททั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จึงจะสามารถเลือกหุ้นที่เหมาะกับตัวเองได้ดีที่สุด โดยกลยุทธ์เพื่อให้ได้กำไรมากที่สุดในตลาดหุ้นไทยมีดังต่อไปนี้
- พิจารณาการจ่ายเงินปันผล โดยปกติทุกบริษัทในตลาดหุ้นจะจ่ายเงินปันผลปีละสองครั้ง คือ ปิดเดือนธันวาคมและมิถุนายน ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องปรับกรอบเวลาในการซื้อและขายหุ้นเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน นั่นคือหุ้นที่ปิดในเดือนมิถุนายนจะต้องลงทุนในเดือนมีนาคม-เมษายน และขายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ในทางกลับกัน หุ้นทั้งหมดที่ปิดในเดือนธันวาคมจะต้องลงทุนในเดือนกันยายนและตุลาคม และขายในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
- ติดตามแนวโน้มธุรกิจ นักลงทุนต้องวิเคราะห์และค้นหากรอบเวลาเฉพาะเพื่อตัดสินใจในการลงทุนในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง โดยนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามแนวโน้มของตลาดล่าสุดเพื่อให้สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อและขายหุ้นได้อย่างรวดเร็ว
- การกำหนดระยะเวลาการลงทุน นักลงทุนสามารถทำกำไรจากหุ้นได้ในรูปของเงินปันผลเงินสด และผ่านหุ้นโบนัส รวมถึงการทำกำไรเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นนักลงทุนจะต้องกำหนดกรอบเวลาตามประเภทของกำไรที่ต้องการ โดยอาจจะกำหนดกรอบระยะเวลาเป็น 4 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี หากนักลงทุนไม่เร่งรีบขายหุ้นหรือสามารถอดทนต่อการขาดทุนเพียงเล็กน้อยในระยะสั้นได้ การลงทุนระยะยาวก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มดีซึ่งมีรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืน
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดโดยรวม ทุกปีจะมีช่วงเวลาเร่งด่วนและจุดสูงสุดในบางธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ตลาดพัดลมและเครื่องปรับอากาศที่จะถึงจุดสูงสุดในฤดูร้อน เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการลงทุนโดยใช้อารมณ์ อารมณ์อาจทำให้การตัดสินใจของนักลงทุนขุ่นมัวและนำไปสู่การตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น ดังนั้นนักลงทุนควรปฏิบัติตามกฎการจัดการความเสี่ยงที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่คำนึงถึงอารมณ์ของตลาด และหลีกเลี่ยงการแก้แค้นการซื้อขายหลังจากขาดทุน
นอกเหนือจากกลยุทธ์ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว การที่นักลงทุนจะได้รับผลกำไรสูงสุดจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศได้นั้นจะต้องประกอบด้วยการฝึกฝนและความรู้ที่เหมาะสมของนักลงทุนเองด้วย