‘โรคหลงตัวเอง’ หนึ่งในโรคทางจิตเวชโดย

ว่าด้วยเรื่องอาการทางจิตที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างในเรื่องของความลุ่มหลงในความสำเร็จและอำนาจของตนเองก็เข้าข่ายที่น่าเป็นห่วงเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเวชโรคหนึ่งที่เรียกว่า “โรคหลงตัวเอง” ทำให้ไม่ยอมรับในคนอื่น แต่จะเชื่อมั่นในตนเองเท่านั้น พาลไปถึงการดูถูกดูแคลนผู้อื่น นำมาซึ่งความเกลียดชังและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในที่สุด

Thaihealth

วันอาทิตย์ ที่ 13 สิงหาคม 2560, เวลา 14:00 น.

ภาพ สสส.

ภาพ สสส.

กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของอาการลุ่มหลงในตัวเองจากบุคคลหนึ่งที่มีบุคลิกเชื่อมั่นในตัวเองอย่างสุดโต่ง ลุ่มหลงในความคิด ความสำเร็จ ความสามารถ อำนาจ รวมไปถึงเงินทองของตัวเอง เขาแทบไม่ยอมรับในตัวผู้อื่นเลย กระทั่งนำมาซึ่งการเหยียดสีผิว เหยียดเพศ เหยียดศาสนา และเหยียดเชื้อชาติ แม้ในวันที่เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ก็ยังถูกขับไล่จากความเกลียดชังของสังคมที่ไม่ยอมรับในตัวเขา นั่นคือกรณีตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าโรคหลงตัวเองนั้น ทำให้เกิดผลเสียต่อการใช้ชีวิตในที่สุด

อาการของโรคหลงตัวเอง ผู้ที่เป็นมักจะไม่ยอมรับในผู้อื่น และเชื่อมั่นแต่ตัวเอง เชื่อในความคิดของตัวเอง หมกมุ่นแต่กับตัวเอง ซึ่งเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพในกลุ่มของ Personality ทำให้ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ยาก มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม ไม่ยอมรับในตัวผู้อื่นหรือความคิดของผู้อื่น และคิดว่าตัวเองดีอยู่คนเดียวหรือดีที่สุดเหนือคนอื่นทั้งหมด ต้องการคำชื่นชมเยินยอ และไม่ยอมรับความคิดเห็นเชิงลบที่เกี่ยวกับตัวเอง คนกลุ่มนี้มักไม่มีความเห็นใจผู้อื่น ชอบหาผลประโยชน์จากผู้อื่นในทางลบ ชอบดูถูกดูแคลนผู้อื่น อีกทั้งยังชอบคิดว่าคนอื่นจะมาอิจฉาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชที่ควรได้รับการรักษา

นอกจากนี้กลุ่มคนที่หลงใหลในรูปลักษณ์ของตนเองก็เช่นกัน อย่างในโลกโซเชียล ที่ปัจจุบันสังเกตได้โดยง่าย หากพบเห็นใครที่ชอบถ่ายรูปตัวเองลงโซเชียล ในอัตราความถี่สูง ถือว่าคนกลุ่มนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลงตัวเองด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ชอบถ่ายภาพตนเองจะต้องเป็นโรคนี้ เพียงแค่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น แบ่งออกเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพตนเองเก็บไว้กับคนที่ชอบถ่ายภาพตนเองแล้วโพสต์ลงโซเชียล โดยคนที่ชอบโพสต์ลงโซเชียล จะมีความเสี่ยงสูงกว่า รวมไปถึงพฤติกรรมการแต่งภาพก็เป็นส่วนสำคัญที่แสดงออกถึงแนวโน้ม เพราะคนกลุ่มนี้จะมีความกังวลในเรื่องของรูปลักษณ์ของตนเอง จึงต้องแต่งภาพให้ดูดีเสมอ ก่อนอัพลงโซเชียล

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคประมาณ 50% เกิดมาแล้วเป็นโรคนี้เลย และปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผล ได้แก่ ครอบครัว เพื่อนฝูง โรงเรียน และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวทุกอย่างซึ่งหล่อหลอมให้กลายเป็นโรคหลงตัวเองได้เช่นกัน วิธีการรักษาคนกลุ่มนี้ต้องได้รับการบำบัดจิตในระยะยาว เพื่อเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนมุมมอง อาจมีการใช้ยาแล้วแต่กรณีไป ส่วนปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาจากการเป็นโรคนี้คือทำให้เข้ากับคนอื่นได้ยาก ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมลำบากนำมาซึ่งความเครียด และอาจมีอาการซึมเศร้าได้ง่าย

-gidanan ganghair-

ที่มา : ข้อมูลจาก Rama Update โรคหลงตัวเอง โดย อ.พญ.แสงศุลี ธรรมไกรสร ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่