อีกครั้งกับคนไทย (เรา) กับวินัยจราจร

บทความ - หลายครั้งหลายคราวที่ฉันขับรถบนท้องถนนด้วยความเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมมักง่ายไร้ความรับผิดชอบของเพื่อนร่วมทาง จะว่าไปแล้วมันก็เป็นสิ่งที่มีให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่มันก็ไม่ชินสักที ฉันไม่ได้จะส่งเสริมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเห็นว่าการทำผิดกฎจราจรนั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ผู้คนที่ขับรถตามกฎและเคารพในข้อบังคับด้านการจราจรนั้นจะทำอย่างไรได้ นอกจากระมัดระวังตัวเองให้แคล้วคลาดจากภยันตรายบนท้องถนนที่อาจเกิดกับเราได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่เพื่อนร่วมทางของเรานั้นยังเอาความ “เห็นแก่ตัว” เป็นที่ตั้ง

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 27 สิงหาคม 2560, เวลา 15:00 น.

น่าเศร้าที่ต้องยอมรับว่าคนไทยเรา “บางคน” มีพฤติกรรมไม่น่ารักอย่างที่ดูเหมือนจะกู่ไม่กลับเลย เช่น การเลี่ยงการจอดติดไฟแดงด้วยการเลี้ยวซ้ายมาอีกแยกและตัดเข้าถนนเส้นที่ต้องการสัญจร การขับรถมอเตอร์ไซค์สวนเลน ขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า รถยนต์จอดติดไฟแดงในช่องของมอเตอร์ไซค์ ไม่สวมหมวกกันน็อค แซงคิว ฯลฯ

หลายครั้งที่ขับรถผ่านตลาดแล้วรถหลายคันต้องพบสภาพการจราจรติดขัดเนื่องจากมีรถยนต์ครอบครองช่องจราจร (เลน) ทั้งช่องเพื่อจอดและเปิดไฟฉุกเฉินเพราะจะลงไปซื้อของในตลาด

อยากฝากถึงท่านที่เคยทำหรือคิดจะทำ หรือคิดว่าการจอดรถกีดขวางการจารจรเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตนของคุณนั้นมันผิด เพราะการซื้อกับข้าวของคุณมันนำพาซึ่งความเดือดร้อนของคนหมู่มาก เพราะฉะนั้นอย่าถามหาน้ำใจจากสังคมเลย หากตัวคุณเองไม่คิดที่จะนึกถึงความเดือดร้อนของคนอื่นที่เกิดจากความมักง่ายของคุณ

อีกตัวอย่างหนึ่งของการเบื่อหน่ายท้องถนนแห่งนี้คือ เวลารถที่ต้องจอดรถเพื่อรอยูเทิร์น แทนที่ทุกคนจะเข้าคิวตามระเบียบเพื่อความปลอดภัยและวินัยทางถนนที่ควรมี แต่หลายครั้งก็จะมีรถที่ขับเลียบมาทางซ้ายแล้วแซงมาจอดหน้าสุด ทำให้คันที่จอดรอคิวอยู่คันแรกมองไม่เห็นอะไรเลย

บางคราวที่ฉันต้องเป็นผู้ถูกกระทำ (ซึ่งก็หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน) บางวันก็ยอมได้ เพราะเราทำอะไรไม่ได้จริงๆ นอกจากเจ้าหน้าที่จะยื่นมือเข้ามาปรับมาจับตามพรบ.จราจรทางบก แต่จนกว่าจะถึงวันนั้นฉันเองก็ต้อง “ทำให้ดีที่สุด” เพราะหากเลือกที่จะมีชีวิตต่อไป เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ชีวิตบนท้องถนน

แต่ในบางวันที่ฉันอารมณ์ไม่ดีหรือหงุดหงิดจากสิ่งรอบข้าง (เพราะมันก็คือสิ่งปกติของมนุษย์) ฉันเองก็อยากจะหาวิธีที่จะศึกษาวิจัยและติดตามพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้เป็นอย่างมาก ว่าพวกเขาเติบโตมาอย่างไร อะไรที่ทำให้คนเหล่านี้ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง จนเป็นเหตุให้ต้องมีพฤติกรรมที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นได้แบบนี้

เพราะถ้าหากพวกเราไม่เคยคิดที่จะพัฒนาพฤติกรรมของตัวเอง และเอาแต่เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาและพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ให้ทัดเทียมอารยะประเทศแล้วละก็ เราอาจจะต้องย้อนกลับมาถามตัวเองก่อนไหมว่า “พฤติกรรม” แบบนี้คู่ควรกับความเจริญหรือไม่ หากเราวาดฝันถึงความเจริญทางด้านวัตถุ เรามาลองพัฒนา “จิตสำนึก” ของเราเองก่อนดีไหม

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่