ฉันเป็นโรคซึมเศร้า

เรื่องเล่ารอบเกาะ - โรคซึมเศร้ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ฉันเริ่มรู้สึกได้ว่าความมั่นใจในตัวฉันเริ่มลดลงอย่างมาก แต่ฉันพยายามโกหกตัวเองว่าฉันไมได้เป็นอะไร ฉันยังปกติดี ทั้งๆ ที่หลายครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ ไม่มีคุณค่าอะไรเลย

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 21 มกราคม 2561, เวลา 11:00 น.

ฉันตัดสินใจบอกกับคนเคยใกล้ชิด ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพยายามให้กำลังใจฉัน แต่ด้วยความต่างในลักษณะนิสัยและอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เราเข้ากันไม่ได้ ด้วยบทบาทหน้าที่ในชีวิตเราก็ได้พยายามประคับประคองกันมาให้ดีที่สุด

สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราพยายามมาด้วยกันทั้งหมดนั้นมันไม่ใช่คำตอบ เพราะเรารู้ดีว่าในที่สุดแล้ว ต่างคนต่างบังคับให้อีกคนเป็นสิ่งที่อีกคนต้องการ ฉันรู้สึกไม่มีความสุข และทุกอย่างเริ่มแย่ลง จนกระทั่งวันหนึ่งฉันโมโหกับสิ่งเล็กๆ ปฏิกริยาของฉันรุนแรงมาก ถึงขั้นที่ฉันรับรู้หัวใจตัวเองได้อย่างกระจ่างว่าฉันต้องพบจิตแพทย์

การพบจิตแพทย์เป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่มีใครอยากพบเจอในฐานะ “คนไข้” ไม่มีใครอยากมีปัญหาทางจิต แต่การรวบรวมความกล้าในการยอมรับตัวเองและเดินเข้าไปพบจิตแพทย์ เป็นสิ่งที่กล้าหาญ

หลังจากเล่าปัญหาทุกๆ ด้านในชีวิตให้หมอฟัง หมอสรุปว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน ต้องรับประทานยาเพื่อปรับสารในสมองให้กลับมามีความคิดเหมือนคนปกติ เนื่องจากความเศร้าในใจที่สะสมมานานนั้นส่งผลให้สารคิดลบในสมองทำงานมากกว่าปกติ ดังนั้นโลกของคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักอยู่ในโทนที่หม่นๆ บางครั้งอาจจะเป็นเทาอ่อน เทาเข้ม หรือบางครั้งมืดสนิทในยามที่เรารู้สึกหมดคุณค่า หมดหนทาง มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างจบลงเพราะฉันเหนื่อยเหลือเกิน ฉันเรียกความมืดนั้นว่า “หลุมดำ”

“หลุมดำ” ของฉันเป็นเหมือนเหวลึกอันมืดมิด ที่ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกแย่ หรือที่เรียกว่า “ดาวน์” ฉันจะพาตัวเองจมดิ่งลงไปในหลุมเรื่อยๆ จนกระทั่งแบกรับไม่ไหว ความคิดแย่ๆ ก็จะตามมา

วันหนึ่งฉันมีเหตุที่ต้องพบกับคนแปลกหน้าเพื่อทำธุรกรรมบางอย่าง ที่จำเป็นต้องเปิดเผยถึงอาการซึมเศร้าที่ฉันเป็นอยู่ 

แต่คำถามชุดแรกๆ ที่เขาถามฉันคือ “โรคซึมเศร้าเนี่ย ไม่ได้เป็นใช่ไหม แค่ข้ออ้างใช่ไหม” และหัวเราะเยาะฉัน ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกจากปากเขาในวันนั้นยังก้องอยู่ในหัวของฉันจนถึงทุกวันนี้ 

วินาทีนั้นฉันไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ฉันพยายามอธิบายเหตุผลที่มาที่ไปอย่างมีสติและเข้มแข็งที่สุด ทั้งที่ข้างในของฉันแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้ว แต่เขาก็ยังจี้คำถามเรื่อยๆ แบบยียวน คล้ายเพื่อความสะใจ ฉันก็พยายามตอบคำถามต่อไปกระทั่งใจของฉันรับไม่ไหวและน้ำตาฉันก็ร่วงลง หลังจากที่ฉันกลั้นมันเอาไว้แสนนาน

เขาอึ้ง และจบทุกคำถาม นำมาซึ่งความสำเร็จของธุรกรรมในวันนั้นแบบง่ายดาย และคำถามในใจของฉันก็คือ “แล้วหนึ่งชั่วโมงแห่งการย่ำยีหัวใจพังๆ ของคนที่เคยผ่านการพยายามฆ่าตัวตายมาล่ะ คืออะไร ถามเพื่อความสะใจอย่างนั้นหรือ”

ที่ผ่านมา ในทุกครั้งที่ฉันพยายามฆ่าตัวตาย ฉันไม่เคยท้าใครเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ฉันพยายามทำมันอย่างเงียบๆ สุดท้ายก็รอดมาได้ จนวันนี้ฉันเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิมมาก

ฉันไม่เคยต้องการความเห็นใจหรือความสงสารจากใคร ฉันไม่ต้องการให้คนเข้าใจฉันในฐานะคนพิเศษ คุณไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อฉันประดุจเจ้าหญิง แต่อย่าเหยียบย่ำความรู้สึกฉันก็พอ เสียงหัวเราะและการแสยะยิ้มในวันนั้นยังติดตรึงในเบื้องลึกของหัวใจฉัน แม้จะพยายามสลัดออกเท่าไหร่ก็ไม่หลุดออกไปเสียที

เพราะฉะนั้น ฉันจึงอยากบอกเล่าเรื่องของฉันให้หลายคนได้รับรู้ ฉันเพียงแค่อยากจะบอกว่า “โรคซึมเศร้า” คือภัยร้ายที่กำลังกัดกินฉันและผู้คนอีกหลายคน ฉันจึงขอพูดในฐานะของคนที่สัมผัสกับโรคนี้ และรับรู้ถึงความรู้สึกด้านมืดและคำพูดต่างๆ นานา จากคนรอบข้าง อยากบอกว่าพวกเราพยายามที่จะหายเป็นปกติ พวกเราไม่ขอให้คนรอบข้างปฏิบัติกับเราให้แตกต่างไปจากคนอื่นๆ ขอเพียงแค่อย่าได้ราดน้ำกรดใส่หัวใจที่มันแหลกเหลวอยู่แล้วให้ป่นปี้ลงไปอีกก็พอ

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่