'เปรี้ยว' ไม่ยื่นอุทธรณ์โทษคุก 34 ปี 6 เดือน คดีฆ่าหั่นศพแอ๋ม

ขอนแก่น - วันนี้ (14 พ.ค. 61) ทนายความ 'เปรี้ยว' เปิดเผยว่าเจ้าตัวไม่ขอยื่นอุทธรณ์โทษจำคุก 34 ปี 6 เดือนคดีฆ่าแอ๋ม ในขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งคนอื่น ๆ ทั้งหมดขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ โดยให้เหตุผลว่าโทษที่ได้รับนั้นสูงเกินไป ยืนยันไม่มีเจตนาให้แอ๋มถึงแก่ความตาย ส่วนทนายฝ่ายครอบครัวแอ๋มขอเดินหน้าอุทธรณ์คดี มั่นใจเป็นการวางแผนฆ่าอย่างแน่นอน

โพสต์ทูเดย์

วันจันทร์ ที่ 14 พฤษภาคม 2561, เวลา 17:09 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภายหลังจากที่ศาล จ.ขอนแก่น ได้มีคำพิพากษาในคดีร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2561 โดยมีคำสั่ง จำคุกจำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว และจำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิน คนละ 34 ปี 6 เดือน, จำเลยที่ 3 น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนซ์ จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา, จำเลยที่ 4 นายวศิน นามพรม จำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน และ จำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน รวมทั้งการชดใช้ค่าเสียหายให้กับครอบครัวของน้องแอ๋ม รวม 1,170,000 บาท แยกเป็นค่าปลงศพ 100,000 บาท และค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวน 1,070,000 บาท โดยคิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค. 2560 ซึ่งเป็นวันก่อเหตุฆาตกรรมนั้น

นายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความของ น.ส.ปรียานุช กล่าวว่า ขณะนี้ทีมทนายความได้หารือร่วมกับลูกความและครอบครัวของลูกความแล้ว โดยที่ น.ส.เปรี้ยวพอใจกับคำตัดสินของศาลชั้นต้น และไม่ขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ใด ๆ มีความต้องการรับโทษคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ในขณะที่ น.ส.กวิตา จำเลยที่ 2 ขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์ โดยอ้างว่าไม่มีเจตนาให้น.ส.วริศราถึงแก่ความตาย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการตกกระไดพลอยโจนไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด จึงมองว่าโทษที่ได้รับสูงเกินไป

นายอมรพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของจำเลยคนอื่นนั้น ทราบว่าทุกคนจะขอใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งสามารถกระทำได้ภายใน 30 วันตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การยื่นอุทธรณ์ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องรอขอคัดคำพิพากษา ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของทางศาลให้ละเอียดครบถ้วนทุกตัวอักษร เมื่อทำการตรวจสอบเสร็จสิ้นก็จะขอยื่นอุทธรณ์ทันที

ด้านนายนพดล สีดาทัน ทนายฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า ยังยืนยันในการใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากครอบครัวเห็นว่า การกระทำของคนที่ฆ่าน้องแอ๋มนั้นไม่ได้เป็นการพลั้งมือ แต่เป็นความตั้งใจละมีการวางแผนมาอย่างดี มีการหลอกล่อน้องแอ๋มออกมา และถ้าไม่มีการวางแผนหรือคิดร้ายกับน้องแอ๋ม ทำไมถึงต้องหลบซ่อนตัว จึงได้ยื่นฟ้องในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร มีเพียง น.ส.เบนซ์ ถูกตั้งข้อหารับของโจร เพียงข้อหาเดียว

"นอกจากนี้ เพิ่งทราบว่าน้องแอ๋มถูกกล่าวหา ว่าด่าบุพการีของฝ่ายจำเลยที่ 1 เป็นโสเภณี ทำให้จำเลยที่ 1 โกรธจึงมีการต่อสู้กันในรถยนต์ จนน้องแอ๋มเสียชีวิต และมีการหั่นศพในเวลาต่อมา ซึ่งคำพูดที่ยกมากล่าวอ้าง ใคร ๆ ก็พูดได้ เพราะน้องแอ๋มตายไปแล้วไม่มีโอกาสมานั่งแก้ตัว และคำพูดนี้มีผลต่อการตัดสินในคดีอาญาที่ลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงมีการปรึกษากันและจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวภายใน 30 วัน เพราะที่ผ่านมาได้ยื่นฟ้องในมาตรา 289 ตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน แต่ศาลพิจารณาโทษตามมาตรา 288 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งครอบครัวยืนยันจะขอยื่นอุทธรณ์ทันทีหลังคัดคำสั่งศาลแล้วเสร็จ" นายนพดล กล่าว

(อ่านเนื้อข่าวโพสต์ทูเดย์ คลิก)

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่