การแถลงข่าวในบ่ายวันนี้ นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารบริษัทเอ็มเมอรัลด์ ดีเวลล็อปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทในเครือ ได้นั่งโต๊ะแถลงด้วยตนเอง แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่พนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง ร้องขอศาลออกหมายจับนายสาวิตร ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดทั้งฐานความผิดฉ้อโกงประชาชนโฆษณาเป็นเท็จหรือเกินความจริง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 22 ว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจขายห้องชุดเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) โดยให้เหตุผลว่าขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบของกฎหมาย และเพื่อให้พนักงานสืบสวนได้ทำงานอย่างเต็มที่
นายสาวิตร กล่าวว่า “สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นข่าวเกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอ็มเมอรัลด์ฯ กรุ๊ป ตามสื่อต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศทำให้ส่งผลกระทบไม่เฉพาะต่อเอ็มเมอรัลด์ฯ กรุ๊ป แต่ยังส่งผลกระทบต่อจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านความเชื่อมั่นทางธุรกิจและการท่องเที่ยว ขอเรียนว่าผมเองและพนักงานทุกคนได้ประกอบธุรกิจและทำงานด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น ซื่อตรง มีจรรยาบรรณ ยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ที่พักอาศัยคอนโด ให้ลูกค้าที่เชื่อมั่นในบริษัทของเราตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ดำเนินธุรกิจอสังหามาจนถึงปัจจุบัน”
พร้อมกล่าวว่า โครงการในกลุ่มบริษัททั้งหมด 5 บริษัท ดูแลและรับผิดชอบในแต่ละโครงการแยกกันไป โดยมีทั้งที่สร้างเสร็จไปแล้ว, โครงการกำลังก่อสร้าง, โครงการกำลังก่อสร้างและรอใบอนุญาต และโครงการเตรียมดำเนินการ
“จะเห็นได้ว่าในส่วนของบริษัท ภูเก็ต ฟิวเจอร์ กรุ๊ป จำกัด เท่านั้นที่เป็นกรณีปัญหาตามสื่อแต่โครงการอื่น ๆ ยังอยู่คนละส่วนกันและยังดำเนินการตามปกติไม่ใช่คนนี้เกิดปัญหาของทุกคงการภายใต้แบรนด์เอ็มเมอรัลด์” นายสาวิตร กล่าว
“บริษัท ฟิวเจอร์ กรุ๊ป จำกัด เปิดโครงการพร้อมเปิดขายตั้งแต่ปี 2557 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและทยอยดำเนินการ มูลค่าโครงการทั้งสิ้น 1,200 ล้านบาท มียอดขายทั้งโครงการ 941 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 70 ลูกค้าที่ชำระเงินมาแล้วจำนวนกว่า 359 ล้าน”
ผู้บริหารเอ็มเมอรัลด์ฯ กรุ๊ป กล่าวอีกว่า โครงการกะหลิมพัฒนาบนเนื้อที่ 36 ไร่ แบ่งเป็นโครงการย่อยทั้งโรงแรม วิลล่า คอนโด และที่พักอาศัย ซึ่งบริษัทได้รับใบอนุญาตบางส่วนไปแล้ว ส่วนที่เหลือกำลังเร่งดำเนินการทั้งด้านรายงานกระทบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใบอนุญาตก่อสร้าง แต่เนื่องจากการก่อสร้างบนสภาพเนินเขาลาดเอียง บริษัทได้คำนึงแล้วว่าต้องใช้ความระมัดระวังทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานด้านวิศวกรรมที่บริษัทเน้นความปลอดภัยสูงสุด ทำให้การทำงานประสบปัญหาหน้างาน ทำให้เกิดความล่าช้าและขอเรียนว่าปัญหาหลักที่เป็นเหตุให้โครงการล่าช้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขกฎหมายควบคุมสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ส่งผลให้โครงการต้องปรับเปลี่ยนแบบของอาคารโครงการให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่ปี 2560 ทำให้ต้องใช้เวลาในการทำงานของแต่ละฝ่ายที่ต้องปรับเปลี่ยนถึง 3 ครั้ง
ซึ่งนายสาวิตรเน้นย้ำว่า ทุกครั้งทึ่มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายขายและลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทได้มีการติดต่อจากลูกค้าทางอีเมลและช่องทางอื่นอยู่ตลอดเวลา
“ลูกค้าทั้งหมดในปัจจุบันที่ซื้อโครงการมีจำนวน 185 ราย มีลูกค้าที่ขอยกเลิกสัญญาจำนวน 98 รายคิดเป็นร้อยละ 50 ซึ่งบริษัทเองก็ยินดีได้ทำแผนชำระเงินคืนแล้ว และทยอยเจรจาซึ่งบางส่วนได้ชำระคืนไปเรียบร้อยแล้ว”
“ทั้งนี้ บริษัทในเครือมีความมั่นใจในการทำธุรกิจที่สามารถดำเนินการก่อสร้างในทุกโครงการให้แล้วเสร็จได้ตามแผนและมีแหล่งเงินทุนที่เข้ามาสนับสนุนได้อย่างเพียงพอ พร้อมขอให้ลูกค้าและสังคมมั่นใจในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต ว่าน่าลงทุนและคุ้มค่าเมื่อเทียบกับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ และผมขอเรียนให้ทุกท่านมั่นใจว่าหลายโครงการนอกเหนือจากของเครือเอ็มเมอรัลด์ฯ ในทำเลต่าง ๆ ของภูเก็ตล้วนแต่มีความน่าสนใจ” นายสาวิตร กล่าว
