“ฉันกำลังจะได้เป็นแม่”

วันแม่ปีนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะในขณะที่ฉันกำลังเขียนบทความอยู่นี้ ฉันไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป ในตัวของฉันได้มีหัวใจอีกดวงกำลังเติบโต และนั่นมันก็ทำให้ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้มาก ฉันจึงอยากจะบอกเล่าถึงความสุขและความรักของฉันต่อเด็กน้อยคนนี้ที่กำลังจะได้ลืมตามาดูโลกในอีกไม่นาน ฉันเขียนไปยิ้มไป เพียงแค่ฉันนึกถึงเจ้าตัวน้อยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติมันก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด

ข่าวภูเก็ต

วันเสาร์ ที่ 12 สิงหาคม 2560, เวลา 14:00 น.

ความรู้สึกแรกที่รู้ว่ามีน้อง มันเป็นความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะเรารอเค้ามานาน ก่อนหน้านี้เราเคยเสียเค้าไปแล้วถึง 2 ครั้ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน (ครั้งแรกท้องนอกมดลูกและครั้งที่สองแท้ง) ในช่วงเวลาที่เสียเค้าไปนั้น มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดที่เคยเจอมา มันเจ็บไปทั้งกายและยิ่งไปกว่านั้นคือมันเจ็บที่ใจ ฉันเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นเพราะฉันเองที่รักษาเค้าไว้ไม่ได้ ฉันผิดเองที่ดูแลเค้าไม่ดีพอ ตอนนั้นทุกคนในครอบครัวต่างเสียใจ แต่คุณหมอก็บอกแล้วว่าอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ และหลังจากได้ปรึกษาหมอ เราก็พร้อมที่จะมีลูกอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ประสบผลสำเร็จ เรากำลังมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้อง

ชีวิตเปลี่ยนตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งการดำเนินชีวิตในทุกวันๆ เรื่องอาหารการกิน จากก่อนหน้านี้ไม่กินผัก ผลไม้ ก็ต้องกิน และยังต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้อ ทุกวัน งดชา กาแฟ (ทั้งที่ฉันเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟมาก) แอลกอฮอล์ อะไรที่ไม่ดีหรือไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็งดหมด กินแต่ของที่มีประโยชน์ เราต้องดูแลตัวเองเป็นสองเท่า รู้จักที่จะรักตัวเองมากขึ้น การนอน การนั่ง การนอน ต้องคอยระวังในทุกๆอิริยาบท ไม่เครียด อะไรที่ทำแล้วดีกับเรากับเจ้าตัวน้อยเราทำได้และทำอย่างมีความสุขอีกด้วย

พอพูดถึงความรู้สึกของการได้ดูแลใครคนหนึ่งที่กำลังเจริญเติบโตในตัวเรา มันก็แปลกดีนะที่เพศหญิงอย่างเราสามารถให้กำเนิดได้ เป็นเรื่องของธรรมชาติที่มหัศจรรย์มาก เป็นความรู้สึกสุขใจไปกับการเฝ้าคอยดูแลลูกน้อยตั้งแต่เค้าเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ อยู่ในตัวเรา เฝ้าคอยดูพัฒนาการเค้าเรื่อยๆ มันมีความสุขมากเลยนะทุกครั้งที่เราไปทำการอัลตร้าซาวด์ และได้ยินที่หมอบอกว่าเค้ามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นอย่างไร เติบโตไปมากน้อยขนาดไหน และยิ่งไปกว่านั้นการที่เราได้ยินเสียงหัวใจของเค้า ได้เห็นเค้าดิ้นๆ ผ่านหน้าจอเครื่องอัลตร้าซาวด์ของคุณหมอ บ่อยครั้งที่น้ำตามันไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว นี้แหละน้ำตาของความสุขใจที่เค้าเรียกกัน

ถามว่าพอรู้ตัวว่าเป็น “คุณแม่” แล้วทำให้รักแม่มากขึ้นหรือไม่ ฉันเรียกมันว่าเป็นความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจแม่มากขึ้น จะดีกว่า เพราะเรารักแม่มากอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้เราได้มีสถานะเพิ่มคือเป็นคุณแม่ เราย่อมรับรู้ได้ว่าท่านเหนื่อยเพียงใด ท่านอดทนมากเพียงใด ในการที่จะเฝ้าทะนุถนอมเรา เช่นด้วยกับที่เราทำให้ลูกเรา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรารู้สึกทรมานและเหนื่อยกับอาการแพ้ท้อง เราได้โทรหาแม่และบอกความรู้สึกทั้งหมดเหล่านั้นให้ท่านทราบ ท่านให้กำลังใจและตอบเรากลับมาว่า "อดทน เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แม่อดทนได้ตอนแม่ตั้งท้องลูก ลูกเองก็ต้องอดทนและสู้ให้ได้ นี่ถ้าแม่เอาความทรมานของลูกมาได้แม่จะรับมาเอง" หลังจากประโยคนี้ น้ำตาเราก็ไหลไม่หยุด

กับคำถามที่ว่า “ลูก” มีส่วนเติมเต็มในชีวิตไหม อย่างไร ฉันขอตอบเลยว่ามีส่วนอย่างมาก มันเหมือนเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ เรารู้สึกได้ว่าเราและสามีรักกันมากขึ้น ณ ตอนนี้เราทั้งสองเฝ้ารอที่ได้เจอหน้าเจ้ามนุษย์ตัวน้อยที่เราเรียกว่า “ลูก” และเค้าเองก็เรียกเราว่า “พ่อแม่”

ยอมรับว่าสังคมทุกวันนี้มันน่ากลัวเหลือเกิน ฉันเองก็อดคิดไม่ได้ว่าลูกเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หวังเพียงอย่างเดียวว่า เค้าจะนำเอาคำสอนร่วมถึงสิ่งดีๆให้เราได้ทำให้กับเค้า ไปปรับใช้ในชีวิตของเค้าเอง

สำหรับฉันแล้วในโลกนี้มันคงไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบกับคำว่าลูกได้ แต่หากจะให้นิยามคำว่า “ลูก”ในความหมายของฉันแล้วล่ะก็ คำนิยามของฉันคงเป็นอย่างสำนวนไทยที่ว่า "ลูกเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ" ที่เราทั้งรักและห่วง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่