สัญญาหน้าแล้ง! ทุ่ม 60 ล้านแก้ไขน้ำท่วม 3 จุดใหญ่ ถ.เทพฯ คาดเดินโครงการกลาง ต.ค. นี้

ภูเก็ต – วันนี้ (18 ก.ย. 61) พ่อเมืองภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าว ร่วมกับ รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต ถึงความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อน 6 โครงการ วงเงิน 151 ล้านบาท เพื่อเร่งแก้ปัญหาในพื้นที่ท่วมซ้ำซาก ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ในโครงการผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พบสื่อมวลชน ครั้งที่ 11/2561

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันอังคาร ที่ 18 กันยายน 2561, เวลา 16:46 น.

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีการก่อสร้างอาคาร คอนโดมิเนียมบ้านจัดสรรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีผังเมืองรองรับ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังน้ำน้ำรอระบายในหลาย ๆ พื้นที่ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของจังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่น การจราจรติดขัดกลายเป็นปัญหาสำคัญของจังหวัด

จากปัญหาดังกล่าวจังหวัดภูเก็ตได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ปัญหา โดยขอสนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาประกอบด้วยโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก 3 จุด ได้แก่ หน้าโรงเรียนเมืองถลางวงเงิน 15 ล้านบาท, บ้านป่าครองชีพวงเงิน 15 ล้านบาท และหน้าห้างไทวัสดุวงเงิน 30 ล้านบาท นอกจากนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต งบประมาณสะสมปี 2562 เพื่อแก้ไขปัญหาในอีก 3 จุดประกอบด้วย หน้าห้างซูเปอร์ชีปใหญ่วงเงิน 48 ล้านบาท, บริเวณหน้าสวนป่าบางขนุนวงเงิน 12 ล้านบาท และพื้นที่บริเวณหน้าปั๊มซัสโก้เมืองใหม่วงเงิน 30 ล้านบาท

นายพิจักษณ์ ศรชนะ รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต (ฝ่ายวิศวกรรม) ได้อธิบายเสริมในรายละเอียดของโครงการดังกล่าวว่า กรมทางหลวงรับผิดชอบ 3 โครงการแรก ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน โดยจะได้เริ่มการก่อสร้างใน 3 จุดวิกฤต ได้แก่ จุดบ้านป่าครองชีพ กม.26+750 - 27+250, หน้าโรงเรียนเมืองถลาง กม.27+250 - 27+750 และ หน้าไทวัสดุ กม.37+000 - 37+550 คาดว่าจะเริ่มเดินสัญญาได้กลางเดือนตุลาคม 2561

“ล่าสุดเราได้ดำเนินการ E-bidding ไปแล้ววานนี้ (17 ก.ย.) และได้ยื่นรายชื่อผู้รับเหมาให้ทางกรมอนุมัติเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือรอให้กรมฯ ส่งมอบงบประมาณมาที่คลังจังหวัดภูเก็ต คาดหมายว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 8 ต.ค. จากนั้นภายในวันที่ 15 ต.ค. จะได้เรียกผู้รับเหมาเข้ามาพูดคุยและเซ็นสัญญา หลังจากนั้นก็เริ่มเดินสัญญาและดำเนินโครงการได้เลย” นายพิจักษณ์ กล่าวกับ ข่าวภูเก็ต เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

“โครงการก่อสร้างทั้ง 3 จุดนี้ รับผิดชอบโดย 3 บริษัท ซึ่งเราจะได้เน้นย้ำกับผู้รับเหมาทุกรายว่า ต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็ว และกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด และที่สำคัญขณะทำการก่อสร้างของทั้ง 3 โครงการ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนั้น จะต้องติดตั้งไฟ และสัญลักษณ์ที่ช่วยให้มองเห็นพื้นที่กำลังก่อสร้างอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยในช่วงกลางคืนที่ปฏิบัติงานนั้นจะทำคราละ 2 เลน เพื่อเหลือพื้นที่จราจร และคืนผิวถนนจราจรให้เป็นปรกติทั้ง 4 เลนในตอนเช้า ซึ่งพื้นที่ก่อสร้างบริเวณไหล่ทางเราก็จะมีการติดตั้งท่อระบายน้ำทั้งสองข้างทาง พร้อมจัดทำฟุตบาทให้สวยงาม”

“การก่อสร้างในช่วงกลางคืนส่งผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนนน้อยกว่าช่วงกลางวัน นอกจากนี้ เราจะเริ่มสัญญาในหน้าแล้ง เพราะจากที่ผ่านมาเราพบว่าฝนคืออุปสรรคใหญ่ที่ทำให้โครงการต่าง ๆ ล่าช้า” นายพิจักษณ์ กล่าว

รองผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต อธิบายถึงรายละเอียดงานก่อสร้างว่า ทางบริษัทจะใช้ท่อสี่เหลี่ยมขนาด 2.1 x 2.1 x 2.1 เมตร ต่อกันในลักษณะขวางถนนเทพกระษัตรี เพื่อระบายน้ำให้ได้ดียิ่งขึ้นและสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืนได้

“เป็นที่ทราบกันดีว่าถนนเส้นนี้ก่อสร้างขวางทางน้ำ ซึ่งในการวิศกรรมถนนเทพกระษัตรีในปัจจุบันนั้นมีท่อระบายน้ำอยู่แล้ว แต่เป็นขนาดเล็กกว่าขนาดใหม่นี้มาก และด้วยบริบทของถนนเส้นนี้ที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงสภาพธรรมชาติและต้นไม้ที่เคยเก็บซับน้ำได้ถูกตัดโค่นลงไปมาก ทำให้น้ำท่วมขังถนนอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงจำเป็นต้องดำเนินการในครั้งนี้”

นอกจากนี้ จังหวัดยังได้ตั้งคณะทำงานกำหนดจุดติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ต้นน้ำ รวม 31 จุดจาก 7 หน่วยงานทำงานร่วมกับดีป้าและกรมชลประทาน เพื่อติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์นำข้อมูลมาประมวลผล เพื่อการแจ้งเตือนภัยให้แก่พี่น้องประชาชนผ่านแอพพลิเคชั่นทันพิบัติ ให้ประชาชนสามารถรับทราบข้อมูลปริมาณน้ำฝนเตรียมพร้อมป้องกันเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจุดน้ำท่วมซ้ำซากอื่น ๆ บนถนน 402 นั้น ทางจังหวัดยังมิได้ระบุกรอบชัดเจนว่าจะสามารถเริ่มสร้างได้เมื่อไร ซึ่งรายละเอียดจะได้มีการพูดคุยและแถลงต่อสื่อมวลชนในโอกาสต่อไป

แหล่งที่มา : สำนักงานจังหวัดภูเก็ต

 

 

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่