จากการไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่สวนสัตว์เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ทางสวนสัตว์ภูเก็ตจึงขอความช่วยเหลือในการนำเสือโคร่งจำนวน 11 ตัว และหมี 2 ตัว ที่อยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ภูเก็ตไปดูแลยังสถานที่แห่งใหม่
คุณเอ็ดวิน วีค ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้ง มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า เปิดเผยกับ The Phuket News เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า “ผมกำลังขับรถกลับเพชรบุรีเพื่อตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่สำหรับสัตว์ทั้ง 2 แห่ง ซึ่งมีขนาด 9 และ 10 ไร่ โดยที่แห่งนี้จะมีสระน้ำ ต้นไม้ และพื้นที่เพียงพอสำหรับให้พวกสัตว์เดินเตร่ตามธรรมชาติ” และเล่าต่อไปอีกว่าเขาเองและคุณแสงเดือนได้เข้าหารือในเรื่องการส่งมอบสัตว์กับเจ้าของสวนสัตว์ภูเก็ตเรียบร้อยแล้ว
“การให้ความช่วยเหลือสัตว์ป่าในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ปัจจัยทางการเงินมีความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือ การขนส่ง และดูแลสัตว์ขนาดใหญ่ทั้ง 13 ตัว จากภูเก็ตมายังมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จังหวัดเพชรบุรี ตลอดช่วงเวลาในสถานการณ์โควิด-19 มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าได้รับการร้องขอจากสถานที่เลี้ยงและแสดงสัตว์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากมาย ที่ไม่สามารถดูแลสัตว์ที่เลี้ยงไว้ได้อีกต่อไป”
เนื่องจากทางมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จังหวัดเพชรบุรี มีสิ่งอำนวนความสะดวก มีพื้นที่กว้างขวาง และความเชี่ยวชาญในการดูแลสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่ามีหมีอยู่ในความดูแลแล้วกว่า 30 ตัว ในกรณีนี้ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าจึงมีความพร้อม และความเหมาะสมอย่างที่สุด ในการให้การดูแลสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือจากสวนสัตว์ภูเก็ตได้อย่างเร่งด่วน
“เราจึงทำได้เท่าที่ความสามารถจะเอื้ออำนวยเท่านั้น หากปราศจากการสนับสนุนทางการเงิน เราก็ไม่สามารถให้การช่วยเหลือสัตว์ได้มากกว่าไปกว่านี้ เรากำลังเรียกร้องให้เพื่อนๆ ในภูเก็ต ในประเทศไทย และทั่วโลก ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสัตว์ครั้งสำคัญนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าเท่านั้น แต่สำหรับเสือในประเทศไทยด้วย” คุณเอ็ดวิน กล่าว
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ก่อนหน้านี้มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าและสวนสัตว์ภูเก็ตจะเคยมีเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากันบ้าง ในเรื่องการดูแลสัตว์จำนวนมากของสวนสัตว์ แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายหันมาร่วมมือกัน เพื่อกำหนดอนาคตอันปลอดภัยสำหรับสัตว์เหล่านี้” คุณเอ็ดวิน กล่าว “จริง ๆ แล้วทางสวนสัตว์เขาเป็นห่วงสัตว์มาก พวกเขาบอกเราว่าก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธข้อเสนอในธุรกิจหนังและกระดูกสัตว์ไป”
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าจำเป็นต้องเปิดรับเงินบริจาค เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของมูลนิธิฯมานานเกือบ 2 ปี
“สำหรับการช่วยเหลือและนำเสือโคร่งจำนวน 11 ตัว สู่บ้านหลังใหม่พร้อมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในครั้งนี้ นับว่าเป็นการช่วยเหลือโคร่งครั้งใหญ่และเร่งด่วนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย แต่อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานต่าง ๆ ของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่ามาเป็นเวลากว่า 22 เดือนแล้ว ทางมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จึงมีความจำเป็นในการระดมทุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการช่วยเหลือสัตว์ทั้ง 13 ตัวนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด” เขากล่าว
“ในโอกาสนี้มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จากผู้มีจิตศรัทธา และเมตตาต่อสัตว์ป่า ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนภารกิจครั้งประวัติศาสตร์นี้ โดยดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของมูลนิธิฯเราขอเชิญชวนให้พี่น้องในภูเก็ต ประเทศไทย และทั่วโลก ได้ร่วมกันในสิ่งที่จะเป็นการช่วยชีวิตครั้งใหญ่นี้ และไม่เพียงแค่สำหรับมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าเท่านั้น แต่ยังหมายถึงเสือโคร่งทั่วประเทศไทยด้วย” เขากล่าว
มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ได้รับการจดทะเบียนเป็นมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของวัดพระพุทธบาทเขาลูกช้าง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากท่านเจ้าอาวาสให้ใช้พื้นที่ป่าขนาดใหญ่สำหรับให้สัตว์อยู่อาศัย โดยจุดประสงค์หลักของมูลนิธิฯ คือการอนุรักษ์สัตว์ป่าและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบันทางมูลนิธิฯ มีโครงการมากมายที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ รักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพสัตว์ป่า งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล ตลอดจนการปล่อยสัตว์ป่าคืนสู่ธรรมชาติ
โดยมีเป้าหมายในการเป็นแหล่งพักพิงสำหรับสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมและถูกทอดทิ้ง พวกเราตั้งใจจะช่วยเหลือสัตว์ป่าที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อนำมาฟื้นฟูและปล่อยคืนสู่ป่า นอกจากนี้ยังให้ความดูแลสัตว์ที่ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้อีกด้วย โดยทางมูลนิธิฯ จะเตรียมที่อยู่สำหรับสัตว์เหล่านี้ให้มีมาตรฐานและมีสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
