นายกสั่งตรวจสอบ-เฝ้าระวัง หลังเกิดระเบิดหลายจุดในภาคใต้ เตือนอย่าตระหนก

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต รายงาน พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่จังหวัดพัทลุงและสตูล เริ่มตั้งแต่เมื่อกลางดึก 9 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยได้แสดงความห่วงใยสวัสดิภาพและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและกำลังพลทุกนาย แม้ว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บก็ตาม

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 11 มีนาคม 2562, เวลา 10:38 น.

EOD กก.ตชต.43 และ ภ.จว.ตรัง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ / ภาพ กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง

EOD กก.ตชต.43 และ ภ.จว.ตรัง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ / ภาพ กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมพื้นที่ และติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ก่อความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกำชับฝ่ายความมั่นคงทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และปฏิบัติการรักษาความสงบและปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมทั้งไล่ล่าตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว พร้อมเน้นย้ำว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานและข้อมูลเพื่อระบุถึงสาเหตุที่แท้จริง ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่ผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในช่วงก่อนการเลือกตั้ง

สำหรับกรณีเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดสตูล กอ.รมน.จังหวัดสตูล รายงานการเหตุการณ์กรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณ สภ.เมืองสตูล จำนวน 2 จุด คือ จุดที่ 1 เวลา 22.16น. เกิดเหตุระเบิดขึ้นในถังขยะ ถนนยาตราสวัสดี หน้า สภ.เมืองสตูล ส่วนจุดที่ 2 เกิดในเวลา 22.48 น. ที่บริเวณลานจอดรถใน สภ.เมืองสตูล แรงระเบิดทำให้กระจกสถานที่ราชการ และกระจกของชาวบ้านของประชาชนใกล้เคียงแตกกระจายได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือชุด EOD ระบุว่า การตรวจพื้นที่เกิดเหตุระเบิดลูกที่ 1 เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่ทำให้เกิด เสียงดังเพียงอย่างเดียว ส่วนลูกที่ 2 เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อน อยู่ในรถจักรยานยนต์ ซึ่งนำมาจอดไว้บริเวณที่จอดรถของกลางของ สภ.เมืองสตูล ตรวจสอบข้อมูลรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน 0259 ปัตตานี ทราบชื่อผู้ครอบครองรถ คือ นายมูหัมมัดอิสมาแอ อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ 4 ต.ปิยามุมัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี การเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ของผู้ไม่หวังดีเพื่อ ลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ ตรวจสอบจยย.ที่นำมาใช้ประกอบระเบิดตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถซึ่งได้แจ้งหายที่ สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา โดยถูกคนร้ายปล้นแย่งชิงไปเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2561

ต่อมามีเหตุระเบิดเพิ่มเติมพื้นที่ ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล กอ.รมน.จังหวัด ส.ต. รายงานเหตุว่า เมื่อ 10 มี.ค. เวลา 04.25 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ภายในร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ต.คลองขุดระเบิดห่างกัน ประมาณ 20 นาที ที่เกิดเหตุไม่พบชิ้นส่วน/สะเก็ดระเบิด แต่แรงระเบิดทำให้สิ่งของที่วางขายแตกกระจัดกระจายได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิดทำให้เสียงดังเพียงอย่างเดียว

จากนั้นในช่วงเช้า นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผวจ.สตูล/ ผอ.รมน.จังหวัดสตูล เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง จังหวัดสตูล ให้ทุกหนวยติดตามสถานการณ์เพิ่มเติมในทุกพื้นที่ และเเจ้งให้ประชาชน อย่าได้ตื่นตระหนก

ทั้งนี้ ในเวลา 10.45 น. (10 มี.ค.) เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ภายในร้านขายของชำตรงข้ามปั๊มปตท. สาขาคลองขุด ชุด EOD พบมีระเบิด 1 จุด ในบริเวณชั้นในของร้าน แรงระเบิดทำให้สิ่งของที่วางขายแตกกระจัดกระจายได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป เบื้องต้นเหตุการณ์ทั่วไปยังเป็นปกติ

ส่วนเหตุการณ์ที่จังหวัดพัทลุงพบมีเหตุระเบิดนับ 10 จุด ในพื้นที่อำเภอปากพะยูน และอำเภอเมือง เจ้าหน้าที่ EOD สามารถเก็บกู้ทำลายได้หลายจุด รวมถึงบริเวณทางรถไฟ ต.ดอนประดู่ รวมถึงบริเวณร้านขายของชำในเขตเทศบาลตำบลปากพะยูนอีกหลายจุด

กอ.รมน.จังหวัดพัทลุง/ส่วนประสานงาน กกล.รส.ประจำจังหวัดพัทลุง รายงานเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง พื้นที่ อ.ปากพะยูน จำนวน 9 จุด และพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง จำนวน 2 จุด โดยนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผวจ.พัทลุง/ผอ.รมน.จว.พ.ท. ประชุมด่วนพร้อมหน่วยความมั่นคงในพื้นที่แล้ว ในขณะที่ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมสั่งติดตามคนร้ายก่อเหตุระเบิด สตูล พัทลุง โดยเร็ว

สำหรับเหตุลอบวางระเบิด พื้นที่ อ.ปากพะยูน ประกอบด้วย ต.ดอนประดู่ 4 จุด และ ต.ปากพะยูน 5 จุด เริ่มจากจุดที่ 1 เมื่อเวลา 02.00 น. เกิดเหตุระเบิด บริเวณ ชั้นวางรองเท้า หน้าบ้านเลขที่ 121 หมู่ที่ 3 บ้านหัวควน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ซึ่งมี นางอนงค์ อ่อนน่วม อายุ 57 ปี เป็นผู้เสียหาย 2 จุดต่อมาเวลา 03.30 น. และ 04.00 น. เป็นบริเวณชั้นขายของร้านขายของชำบ้านดอนประดู่ จุดที่ 4 ในถังขยะหน้าวัดธรรมยูร ต.ปากพะยูน ไม่พบผู้เสียหาย จุดต่อมาเป็นร้านขายของชำ ถ.เทศบาล 1 ต.ปากพะยูน

ส่วนจุดที่ 6 พบระเบิดบนทางรถไฟสามารถเก็บกู้ได้เมื่อเวลา 07.40 น. พบเหตุลอบวางระเบิด แสวงเครื่องท่อเหล็กขนาดกว้าง 5 นิ้ว ยาว 17 นิ้ว น้ำหนัก 15 กก. และสามารถเข้าทำการเก็บกู้ทำลายระเบิดได้ บนทางรถไฟ พื้นที่หมู่ 9 บ้านควนเผยอ ต.ดอนประดู่ ไม่พบผู้เสียหาย จุดที่ 7 ต่อเนื่องเวลา 09.40 น. บริเวณรั้วต้นเข็มหน้าสุสานจีน พื้นที่ ต.ปากพะยูน 10.00 น. พบเหตุลอบวางระเบิดวางอยู่ใต้ต้นชาดัดหน้าเสาธงเทศบาลปากพะยูน เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ได้ 14.35 น. บริเวณด้านหลังโรงพัก สภ.ปากพะยูน ไม่พบผู้เสียหาย

14.00 น. พบวัตถุต้องสงสัยคลายระเบิด หน้าร้านขายน้ำชา ในชุมชนบ้านออก ต.ปากพะยูน อ.ปากพะยูน ตรวจสอบแล้วไม่ใช่วัตถุระเบิดแต่อย่างใด เป็นเพียงลุกตุ้มที่ใช้ในการประกอบอุปกรณ์ประมงของชาวบ้านเท่านั้น

เหตุในพื้นที่ อ.เมืองพัทลุง 2 จุด คือ บริเวณสวนหลวง ร.9 และสถานีรถไฟพัทลุง (10.30 – 10.55 น.) ซึ่งพบว่าเป็นระเบิดแบบแสวงเครื่องจุดระเบิดโดยการตั้งเวลา จากการเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นยังไม่พบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติม

พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเบื้องหลังของเหตุการณ์ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งความมั่นคง ความขัดแย้งทางการเมืองและภัยแทรกซ้อนอื่น โดยเฉพาะการปราบปรามขบวนค้ามนุษย์และยาเสพติดอย่างหนักในห้วงที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มก่อเหตุคาดว่า เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยใช้การวางแผนแบบรวมการ และปฏิบัติแบบแยกการ เพื่อสร้างความหวาดกลัว ทำลายภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นในอำนาจรัฐ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบหลักฐานและความเชื่อมโยงเพื่อขยายผลต่อไป

มทภ.4 ได้สั่งการให้หน่วยทำการตรวจสอบทุกพื้นที่และเก็บรวบรวมวัตถุพยานอย่างละเอียดเพื่อติดตามกลุ่มก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมกับขอให้ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาและพี่น้องประชาชนทุกศาสนิก ประสานความร่วมมือกันประนาฌต่อต้านและปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบพร้อมช่วยกันตรวจสอบบุคคลหรือ วัตถุต้องสงสัยหากพบรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบหรือโทรสายด่วน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่