พ.ต.อ.ณรงค์ กล่าวว่า หลังจากมีราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่ออันตราย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต มีการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่มีการประชุมในระดับกระทรวงสาธารณสุขตามความเห็นชอบของที่ประชุมที่มีนายแพทย์ใหญ่กระทรวงสาธารณสุข จึงได้มีการสั่งการให้ระงับการขึ้นฝั่งของเรือดังกล่าว
สำหรับเรือโดยสารคอสตาฟอจูนา สัญชาติอิตาลี เป็นเรือที่เดินทางตามเส้นทางและแผนการเดินเรือปกติ ในระยะ14 วันที่ผ่านมา มีประวัติเดินเรือผ่านประเทศไทยรวม 3 ครั้ง ได้แก่ อ่าวป่าตอง จ.ภูเก็ต (21-22 ก.พ.) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี (27 ก.พ.) และท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 28-29 ก.พ.ที่ผ่านมา พบผู้โดยสารในเรือรวม 41 สัญชาติ ซึ่งผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวพักอาศัยและท่องเที่ยวอยู่บนเรือลำนี้ เฉลี่ยประมาณ 7-10 วัน จากแผนการเดินเรือพบ ประวัติเดินเรือผ่านพื้นที่ประเทศสิงคโปร์ 2 ครั้ง ( 25/2/63 และ 3/3/63 ) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อ COVID-19 (และเป็น 1 ใน 11 ประเทศที่กรมควบคุมโรคได้กำหนดพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และพื้นที่ที่ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่คนแออัด อ่านเพิ่มเติม คลิก)
พ.ต.อ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า การขออนุญาตทิ้งสมอบริเวณอ่าวป่าตองในครั้งนี้ ใช้เวลา 36 ชั่วโมง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแวะพักและการท่องเที่ยว เรือคอสตาฟอจูนามี ผู้โดยสาร 1,631 คน ลูกเรือ 984 คน จะแวะที่หาดป่าตองพัก 1 คืน (6 -7 มี.ค.) ในระหว่างเวลา 06.00 ถึง 18.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เส้นทางการเดินเรือจาก ลังกาวี มีผู้โดยสารลูกเรือ เป็นชาวจีน 3 รายสิงคโปร์ 2 ราย ฝรั่งเศส 151 ราย เยอรมัน 230 ราย อิตาลี 282 ราย
ขณะที่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวหลายรายที่มารอให้บริการนักท่องเที่ยว ที่จะลงมาจากเรือลำนี้ยังคงเฝ้ารอเช่นเดียวกันด้านผู้ประกอบการรถรับจ้างบางรายเปิดเผยถึงการสั่งระงับครั้งนี้ว่า “หากเพื่อป้องกันอันตรายจากโรคติดต่อในครั้งนี้ก็เห็นสมควรว่า ไม่ควรจะปล่อยให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้ ซึ่งมาจากประเทศที่มีการแพร่กระจายของโรคไวรัส COVID-19 และมีผู้เสียชีวิตขึ้นมาที่หาดป่าตอง”