ศาลยกฟ้องชาวเลราไวย์บุกรุกที่ดินเพิ่มอีก 1 คดี ส่วนคดีพิพาทบารอนตัดสิน ส.ค. นี้

ภูเก็ต - เมื่อเวลา 09.20 น.วันนี้ (13 ก.ค.60) ศาลจังหวัดภูเก็ตพิพากษาชั้นต้น ยกฟ้องคดีที่เอกชนยื่นฟ้องชาวเลราไวย์บุกรุกที่ดินเพิ่มอีก 1 คดี ทนายความเปิดเผย เพราะมีผลจากหลักฐานของดีเอสไอ ส่วนคดีพิพาทบารอนศาลตัดสินในเดือนสิงหาคม

เอกภพ ทองทับ

วันศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2560, เวลา 10:02 น.

นายวรณัณ หาดทรายทอง ชาวเลราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยนาย นายพสิษฐ์ ถาวรล้ำเลิศ ทนายความ เดินทางเข้าฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดภูเก็ตในคดีดำ อาญาเลขที่ 4827/59 ซึ่งเป็นคดีที่ โจทก์ น.ส.จินดารัตน์ ธรรมจักร ยื่นฟ้อง นายวรณัณ หาดทรายทองชาวเลราไวย์ ฐานบุกรุกฯในที่ดินโฉนดเลขที่ 8324 ซึ่งอยู่บริเวณหมู่บ้านชาวไทยใหม่หาดราไวย์

ทั้งนี้ในสำนวนฟ้องคดีดังกล่าวระบุว่า “เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2559 ถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันจำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 8324 ตำบลราไวย์อำเภอเมืองภูเก็ต ที่โจทก์และผู้รับมอบอำนาจจำนวน 9 คนร่วมกันถือกรรมสิทธิ์ในฐานะผู้จัดการมรดกโดยไม่มีเหตุอันสมควรเหตุเกิด ณ ที่ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 363”

โดยทั้งสอง (นายวรณัณและทนายความ) ได้ใช้เวลาในการเข้าฟังคำพิพากษา ประมาณ 40 นาที ก่อนเดินทางออกมาที่ด้านหน้าศาล เพื่อพบกับพี่น้องชาวเลที่รออยู่บริเวณพื้นที่ด้านหน้าอาคารศาลเพื่อรอให้กำลังใจประมาณ 50 คน

HeadStart International School Phuket

นายพสิษฐ์ ได้เปิดเผยคำตัดสินในคดี ที่ โจทก์ น.ส.จินดารัตน์ ธรรมจักร ยื่นฟ้อง นายวรณัณ ฐานบุกรุกฯในที่ดินโฉนดเลขที่ 8324 ว่า “ศาลฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกเนื่องจากว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิ์กับฝ่ายโจทย์อยู่ในทางแพ่ง และในคดีเดิม (คดีแพ่ง) ศาลได้พิจารณายกฟ้อง ทำให้จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นที่ดินของจำเลยเอง ในส่วนของความผิดฐานยักย้ายหลักหมุดหลักเขตที่ดินก็เช่นเดียวกัน ศาลได้ยกฟ้องเพราะเห็นว่าทางจำเลยเมื่อเข้าใจโดยสุจริตว่าอยู่ในที่ดินของตัวเองและมีพยานยืนยันอีกว่าขณะดำเนินการไม่ได้ขยายพื้นที่ฉะนั้นย่อฟังไม่ได้ว่ามีการรื้อหลักหมุด เพราะการรื้อหลักหมุดจะต้องมีเจตนาว่าต้องการครอบครองเป็นของตัวเอง แต่เมื่อฟังไม่ได้เลยนำไปสู่การยกฟ้องทั้งสองฐาน ความผิดซึ่งในการยกฟ้องดังกล่าว หลักฐานของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ก็มีส่วนช่วยเหลือให้ยกฟ้องเนื่องจากมีผลมาตั้งแต่คดีเดิม (คดีแพ่ง) อยู่แล้ว

สำหรับคดีที่ชาวเลถูกฟ้องร้องโดยโจทย์รายนี้ (น.ส.จินดารักษ์ ) มีประมาณ 12 คดี แบ่งเป็น คดีแพ่ง 10 คดี และอาญา 2 คดี ในคดี แพ่ง 10 คดีนั้น โจทย์ยอมความ 1 คดี และถอนฟ้องภายหลังอีกคดี 1 เหลือ 8 คดี ใน 8 คดีนี้ ที่ภายหลังโจทย์ได้มีการรวมสำนวนฟ้อง 4 รายเป็น 1 คดี ขณะเดียวกัน มี 2 คดีที่ชาวเลราไวย์แพ้คดี และศาลได้มีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งล่าสุดยังอยู่ระหว่างการบังคับคดี โดยศาลได้นัดจำเลยซึ่งเป็นชาวเลเข้ารายงานตัวในช่วงบ่ายวันนี้ ดังนั้นจึงเหลือคดีแพ่งอีกเพียง 3 คดี ที่ยังไม่ตัดสิน โดยศาลนัดสืบพยานอีกครั้ง ในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้อีก 1 คดี เหลืออีก 2 คดีที่ยังต้องรอ และในส่วนของคดีอาญา 2 คดี นั้นศาลยกฟ้องทั้งหมด รวมรายนายวรณัณที่ศาลได้ตัดสินวันนี้

อย่างไรก็ตามในส่วนของปัญหาพิพาทและคดีความระหว่างชาวเลราไวย์กับ บริษัทบารอน เวิล์ด เทรด จำกัดซึ่งชาวเลยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย และขอคุ้มครอง รวมถึงคดีที่ทางบริษัท บารอนฯ มีการฟ้องกลับชาวเลราไวย์ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาทนั้น ศาลจังหวัดภูเก็ตได้นัด พิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่