เจ้าอาวาสวัดพระนางสร้างแจงแบบพระหลวงพ่อแช่ม-ยักษ์ถือปืน

ภูเก็ต - เจ้าอาวาสวัดดังภูเก็ตเผยสร้างพระหลวงพ่อแช่มสูง 35 เมตร สูงใหญ่ที่สุดในโลกตามแบบที่วางไว้ เพื่อต้องการให้เป็นที่รู้จักของนทท. รับพบท่อนบนเล็กกว่าปกติทำให้ดูไม่สมส่วน ย้ำไม่เจตนาทำให้ผิดเพื้ยน และยังไม่มีแผนแก้ไข ส่วนยักษ์ถือปืนแฝงคติธรรม

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 30 ตุลาคม 2560, เวลา 09:16 น.

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “สหายไร้ตัวตน”  นำเสนอภาพองค์พระหลวงพ่อแช่ม สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ชาวภูเก็ตเคารพนับถือ ซึ่งเป็นองค์พระขนาดขนาดใหญ่ อยู่ภายในวัดพระนางสร้าง หมู่ที่ 1 ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงในโซเชียลมีเดียต่างๆในภูเก็ต พร้อมกับมีการตั้งคำถามว่า “คนภูเก็ตเห็นแล้วจะรู้สึกอย่างไร? จนทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นวิพากย์วิจารณ์ว่าองค์พระมีสัดส่วนที่ไม่สมส่วน และไม่มีความเหมือนหรือคล้ายกับองค์รูปหล่อหลวงพ่อแช่มวัดฉลองที่เคยมี รวมถึงภาพรูปปั้นของยักษ์ถือปืนหน้าพระอุโบสถภายในวัดซึ่งดูไม่ค่อยเหมาะสม  ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างองค์หลวงพ่อแช่มดังกล่าว และได้เรียกร้องให้แก้ไขหรือมีการทุบทิ้ง 

ล่าสุดเมื่อช่วงสายวานนี้ (29 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัด พระนางสร้าง เพื่อสำรวจโดยรอบขององค์พระหลวงพ่อแช่ม และรูปปั้นอื่นๆภายในวัดตามที่มีการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย พบว่าในส่วนขององค์พระหลวงพ่อแช่ม นั้นเมื่อมองจากมุมต่ำด้านข้างหรือหน้าองค์พระ จะพบว่าค่อนข้างมีสัดส่วนที่ผิดปกติมากกว่า เมื่อเทียบกับมุมสูง จากบนสะพานลอยนอกตัววัดซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์พระ 

นอกจากนี้จากการเดินสำรวจภายในยังพบว่ามีการสร้างศาสนวัตถุอื่นๆ เช่นรูปปั้นองค์พระ คน และสัตว์ ต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งที่มีการสร้างแบบวัดอื่นๆทั่วไป เช่นพระพุทธรูปน้อยใหญ่ เจ้าแม่กวนอิม ในปางต่างๆ และรูปปั้นแปลกตา เช่น รูปปั้นตำรวจ รวมถึงรูปปั้นยักษ์ถือปืน 2 ตน ที่มีการกล่าวถึงในโซเชียล

สอบถามพระครูวิจิต ศุภการ เจ้าอาวาสวัดพระนางสร้าง เล่าว่า ในส่วนขององค์พระหลวงพ่อแช่มที่เป็นประเด็น ดังกล่าว นั้นสร้างความสูง 35 เมตร ซึ่งเป็นองค์หลวงพ่อแช่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสร้างด้วยงบประมาณ 12 -13 ล้านบาท เป็นเงินของชาวปีนัง ประเทศมาเลเซียถวายให้จำนวน 6 ล้านบาท  และเงินของวัดจำนวน 6 – 7 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2558  และปัจจุบันแล้วเสร็จเกือบทั้งหมด เหลือแค่ปูกระเบื้องส่วนฐาน รวมระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยองค์พระก่อสร้างด้วยเนื้อนิลสีดำ ซึ่งสั่งมาจากบ่อพลอยแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนช่างผู้ก่อสร้างนั้นเป็นช่างเก่าแก่ของวัด ที่ได้เคยร่วมสร้างและพัฒนาภายในวัดมาเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี 

ส่วนประเด็นที่มีการวิพากย์วิจารณ์ว่าผิดแบบไม่สมส่วนนั้น พระครูวิจิตกล่าวว่า การก่อสร้างองค์พระขนาดใหญ่นั้นก็ไม่ได้สร้างโดยพลการ ก่อนสร้างได้มีการออกแบบ มีแปลน และแผนที่คำนวนสัดส่วนแล้ว แต่ด้วยความสูงกว่า 35 เมตร จึงต้องใช้นั่งร้านยึดไว้โดยรอบ ขณะก่อสร้าง แต่เมื่อรื้อนั่งร้านแล้วปรากฏว่าองค์พระมีความผอมกว่าปกติ ส่วนหน้าอกเล็กกว่าปกติ ซึ่งตนก็ทราบดี แต่จะให้ทุบทิ้งก็ไม่ได้เพราะสร้างเสร็จแล้วและในการสร้างนั้นใช้วัสดุเป็นนิลทั้งองค์ไม่ใช่ปูนธรรมดา หากจะพอกเพิ่มสัดส่วนที่หน้าอก ก็ต้องใช้งบประมาณอีกเยอะ  จึงยังไม่มีแผนจะแก้ไข 

ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่การก่อสร้างองค์พระขนาดใหญ่มักจะไม่เป็นไปตามแผน เพราะมีความยากกว่าการสร้างตึก เช่นหลายๆแห่งก็ปรากฏว่าองค์พระไม่สมส่วน จะให้เหมือนคงยากไม่เหมือนองค์พระขนาดเล็กที่สามารถแก้ไขได้ง่าย  ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ได้เห็นก็คงจะรู้ว่าคือหลวงพ่อแช่ม ยืนยันไม่ได้ปล่อยปะละเลยหรือเจตนาให้เกิดความผิดเพี้ยนในระหว่างก่อสร้าง 

ทั้งนี้ ในส่วนของคำถามที่ถามว่าทำไมถึงเลือกหลวงพ่อแช่มนั้น ตนเองคิดว่า ภูเก็ตจะต้องมีหลวงพ่อแช่มที่มีขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้เป็นที่รู้จัก เช่นที่วัดอื่นๆมีการสร้าง สมเด็จพุทธาจารย์โต หรือหลวงปูทวด ที่มีการสร้างทั่วประเทศ  

ส่วนประเด็นของยักษ์ 2 ตน ที่ถือปืนนั้น  เนื่องจากคิดเป็นคติธรรมว่า หากให้ยักษ์ถือกระบองเช่นอดีตนั้นจะไม่ทันการแล้วปัจจุบันจะต้องรวดเร็วกว่าจึงจะต้องใช้ปืนแทน เพื่อเป็นจุดเด่นและให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจเข้าวัดมากขึ้น ถึงแม้จะดูแตกต่าง

โดยพระครูวิจิตกล่าวเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึงประชาชนให้ช่วยมองในแง่ดีบ้าง วัตถุต่างๆ ในวันนั้นสร้างขึ้นมาด้วยความจริงใจ  ถึงแม้จะผิดพลาดไปบ้างแต่ก็ไม่ตั้งใจทำให้เกิดความผิดเพี้ยน ขอให้ชาวบ้านช่วยเข้าใจเจตนาคือต้องการพัฒนาวัด  ในส่วนของการแก้ไขนั้นคิดว่าจะยังไม่มีการแก้ไขเนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ แต่คาดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ทั้งนี้ พระครูวิจิตกล่าวอีกว่า วัดพระนางสร้างเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2532 หลังจากที่เจ้าอาวาสองค์ก่อนมรณะภาพ ตนเองได้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็เริ่มมีการพัฒนา มีการบูรณะอุโบสถ เจดีย์ หอระฆัง และบูรณะโบราณวัตถุสำคัญของวัด และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทั้ง ก่อสร้างห้องน้ำ หอสมุด อาคารสถานที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จนในปี 2534 ก็เริ่มมีนทท.ชาวไทยในต่างจังหวัด และชาวจีนเดินทางมาชมภายในวัดจนถึงปัจจุบัน รวมระยะที่ได้พัฒนาวัดมาจนถึงปัจจุบันกว่า 26 ปี จากวัดที่เกือบรกร้าง จนเป็นศาสนสถานที่มีความพร้อม 

สำหรับประวัติของ วัดพระนางสร้างเป็นวัดเก่าแก่มีมานานแล้ว เชื่อกันว่าสร้างก่อนพม่าเข้าทำศึกเมืองถลาง พ.ศ. 2328 มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า พระนางมัสสุหรี หรือพระนางเลือดขาวเป็นผู้สร้างวัด พระนางเลือดขาวเป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก เป็นมเหสีของเจ้าผู้ครองนคร แต่ถูกคนใกล้ชิดกลั่นแกล้งว่ามีชู้ จึงต้องโทษประหารชีวิต แต่พระนางเลือดขาวขอไปนมัสการพระบรมธาตุที่ลังกาก่อน คณะของนางเลือดขาวลงเรือไปถึงลังกา เมื่อกลับมาได้นำพระพุทธรูปและโบราณวัตถุหลายอย่างมาด้วย ตอนเดินทางกลับพระนางเลือดขาวได้แวะพักที่เกาะถลางแล้วสร้างวัดไว้เป็นที่ระลึก ปลูกต้นประดู่และต้นตะเคียน พร้อมทั้งนำของมีค่าทางพุทธศาสนาเช่นพระพุทธรูปฝังไว้ในเจดีย์ด้วย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าวัดพระนางสร้าง เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้วจึงออกเดินทางกลับไปยังเมืองตน

ในอดีตวัดพระนางสร้างเป็นวัดสำคัญในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนในเมืองภูเก็ต และยังเป็นวัดที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งศึกถลาง พ.ศ. 2328 ท้าวเทพกระษัตรีได้ใช้วัดพระนางสร้างเป็นสถานที่ ตั้งค่ายระดมพลเข้าต่อสู้กับพม่า จนสามารถขับไล่พม่าออกไป รักษาเมืองถลางไว้ได้ 

อย่างไรก็ตาม ความพิเศษของวัดพระนางสร้างนั้นคือ ภายในอุโบสถเก่าแก่ของวัดยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดีบุกที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก 3 องค์เรียกว่า ‘พระในพุง’ หรือ ‘พระสามกษัตริย์’ ซึ่งอยู่ในพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ 3 องค์อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งนับเป็นศาสนวัตถุที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่