ภายหลังจากมีผู้ร้องเรียนมายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตและแจ้งผ่านเฟซบุ๊กเพจเสียงประชาชน คนภูเก็ต ทำให้หลายฝ่ายมีความเคลือบแคลงสงสัยว่าวัดสามารถทำเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่และจะมีผลกระทบต่อแรงศรัทธาของประชาชนหรือไม่
ในที่ประชุมพบว่า เจ้าอาวาสหลายรูปชี้แจงว่า แต่ละวัดมีค่าใช้จ่ายสูงในด้านต่างๆเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ การทะนุบำรุงวัด ซึ่งปัจจัยบริจาคเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการทั้งหมด เพราะฉะนั้นรายได้จากการเช่าที่จากเอกชนหรือทัวร์จีนนั้นจึงเป็นช่องสำคัญในการหารายได้เพื่อชำระค่าใช้จ่ายภายในวัด โดยที่ผ่านมาได้รับข้อร้องเรียนจากชาวบ้านว่าประสบปัญหาในการเดินทางมาทำบุญที่วัดในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆเนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากในบริเวณวัดและก่อให้เกิดปัญหาแออัดยัดเยียด ทางวัดจึงได้แก้ปัญหาโดยการสร้างศาลาหลังใหม่แยกเป็นสัดส่วนให้กับนักท่องเที่ยวจีนและพุทธศาสนิกชนที่เข้ามาทำบุญตามหลักศาสนา ซึ่งเมื่อแก้ไขปัญหาแล้วก็ไม่ได้รับข้อร้องเรียนจากชาวบ้านอีก
พระราชสิริมุนี กล่าวว่า “ปัญหาของแต่ละวัดจะแตกต่างกันไปตามบริบท วัดที่มีรายรับมากและรายจ่ายมากก็ควรทำสมุดบัญชีรายรับ-รายจ่ายเพื่อจะได้ย้อนกลับไปดูการใช้จ่ายในอดีตถ้าหากเกิดปัญหาใดๆขึ้นและเพื่อความง่ายในการตรวจสอบ”
นายสุนทร มณีศรี ไวยาวัจกรวัดสว่างอารมณ์ กล่าวว่า “สิ่งที่ยอมรับว่าวัดได้ทำผิดคือการไม่ได้แยกสัดส่วนให้ชัดเจนระหว่างศาลาของนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชน แต่ที่ผ่านมาทางทัวร์จีนได้บริจาคเงินให้กับวัดอย่างดีเสมอมา ทั้งมอบทุนการศึกษาเดือนละ 50,000 บาท สนับสนุนค่าใช้จ่ายในวัดเดือนละ 5,000 และสมทบปัจจัยในงานบุญต่างๆ จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือจากผู้ประกอบการ”
นายวิญญา กล่าวว่า “การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนาหรือที่ดินที่กันไว้เป็นที่จัดประโยชน์นั้นมีข้อกำหนดตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มาตรา 33 กำหนดที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของวัดและที่วัดที่จะได้เฉพาะผลประโยชน์ไว้ 3 ประเภท ดังบทบัญญัติว่า 1. “ที่วัด” คือที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น 2. “ที่ธรณีสงฆ์” คือที่ที่เป็นสมบัติของวัด 3. “ที่กัลปนา” คือที่ซึ่งมีผู้อุทิศผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา”
“เฉพาะที่วัดต้องกันไว้เป็นที่จัดประโยชน์ก่อนจึงจะให้เช่าได้ ส่วนที่ธรณีสงฆ์และที่กัลปนาให้เช่าได้ตามปกติ แต่การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ที่กัลปนาหรือที่วัดที่กันไว้จัดประโยชน์ วัดจะกระทำได้ภายในเงื่อนไขตามกฎกระทรวงข้อ 4 ซึ่งมีความว่า “การให้เช่าที่ธรณีสงฆ์ ทีกัลปนา หรือที่วัดที่กันไว้จัดประโยชน์ที่มีกำหนดระยะเวลาเกิน 3 ปี จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากกรมศาสนา”
นายสนิท กล่าวว่า “การหารือในวันนี้เป็นการพูดคุยเพื่อรับทราบปัญหาและสาเหตุที่เกิดขึ้นตามที่ได้รับการร้องเรียน ไม่ได้มาเพื่อจับผิดหรือตรวจสอบแต่อย่างใด โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทางจังหวัดจะรับไว้เพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางพระพุทธศาสนาเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นตามหลักและขั้นตอนที่เหมาะสมและเพื่อความราบรื่นในการทำงาน ทั้งนี้เพื่อจะได้ช่วยกันดูแลพระพุทธศาสนาในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน”