ชายหาดภูเก็ตปักธงแดง เตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำ เพื่อความปลอดภัยจากคลื่นลมแรง

ภูเก็ต - บรรยากาศตามชายหาดต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละพื้นที่ได้ออกมาคอยเฝ้าระวังและสอดส่องดูแล พร้อมทั้งแจ้งเตือนนักท่องเที่ยว ไม่ให้ลงเล่นน้ำทะเล เนื่องจากขณะนี้มีคลื่นลมแรงจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน

ข่าวภูเก็ตประชาสัมพันธ์หน่วยงานรัฐ

วันจันทร์ ที่ 30 พฤษภาคม 2565, เวลา 14:44 น.

บริเวณชายหาดแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ เช่น หาดป่าตอง หาดสุรินทร์ หาดในหาน หาดกะตะ กะรน โดยเจ้าหน้าที่ได้ปักธงแดง ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ร่วมกับผู้ประกอบการชายหาด คอยสอดส่องและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ในช่วงคลื่นลมสงบ

บรรยากาศทั่วไปไม่พบนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ มีเพียงไลฟ์การ์ดที่อยู่ตามจุดต่าง ๆ คอยเฝ้าสังเกตการณ์เท่านั้น ซึ่งตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มจากเมฆฝนและมีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่กล้าออกมาทำกิจกรรมยังชายหาด

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ได้เน้นย้ำขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด เนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน หรือช่วงแรกของฤดูมรสุม จึงเน้นย้ำให้สังเกต “ธงสีแดง” ที่ปักอยู่บริเวณชายหาด ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายมากเพราะมีน้ำทะเลเชี่ยวกรากและเป็นกระแสน้ำวน ซึ่งยากต่อการว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง โดยเฉพาะผู้ที่ตกใจแล้วว่ายน้ำทวนกระแสคลื่นจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ หากเป็น ’ธงสีเหลือง-แดง’ เป็นจุดที่สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ และมีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดคอยดูแลความปลอดภัย

ในขณะที่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้ออกประกาศเตือนคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทย ตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง โดยเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 30 พ.ค.65 ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่