ชาวเลราไวย์ ร้องเอกชนสร้างร้านอาหารล้ำเเนวเสาไฟฟ้าทางเข้าหมู่บ้านทำสัญจรลำบาก

ล่าสุดศูนย์ดำรงธรรมร่วมตรวจสอบพบเดิมเป็นที่เอกชนยินยอมให้อบจ.สร้างเขื่อน ก่อนเป็นถนน จึงต้องส่งทีมกฎหมายตีความเป็นสาธารณะหรือไม่

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560, เวลา 10:44 น.

จากกรณีชาวไทยใหม่หรือชาวเลราไวย์ ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต นำโดยนายนิรันดร์ หยังปาน ตัวเเทนชาวเลราไวย์เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง 3 หน่วยงานได้แก่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เทศบาลตำบลราไวย์เเละเจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่ 3 ให้ตรวจสอบกรณีผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารทางเข้าชุมชนมีการก่อสร้างต่อเติมอาคารร้านค้ายื่นออกมาในเเนวถนนเเละเเนวเสาไฟฟ้าทางเข้าจนรถผ่านไปมาด้วยความยากลำบาก

ซึ่งเดิมในจุดดังกล่าวมีความคับแคบอยู่แล้ว จึงทำให้คนในชุมชน โดยเฉพาะพี่น้องชาวเลกังวลว่าการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงว่า หากเกิดเหตุภายในชุมชนเช่นไฟไหม้ และอุบัติเหตุฉุกเฉินต่างๆขึ้นอาจทำให้รถพยาบาลหรือรถดับเพลิงเข้าไปถึงชุมชนได้ยาก

ล่าสุดในวานนี้ (8 ก.พ.) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลราไวย์ ได้มีการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอดิสร สวัสดี ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต  ปลัดอำเภอ ฝ่ายบริหารเทศบาลตำบลราไวย์ เจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่3 เเละกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อหารือแก้ปัญหา ทั้งนี้ได้มีนายนิรันดร์ หยังปาน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 2 และเป็นตัวเเทนชาวเลราไวย์ ตัวเเทนผู้ประกอบการร้านอาหารเเละเจ้าของที่ดินที่ถูกร้องเรียน เข้าประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่

จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าบริเวณทางเข้าดังกล่าวมีเอกชนครอบครองเป็นเจ้าของอยู่เดิม เเต่ในอดีตเจ้าของที่ดินมีการทำหนังสือยินยอมให้อบจ.ภูเก็ตเข้ามาดำเนินการสร้างเเนวเขื่อนกันคลื่น โดยมีการถมหินก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นงบประมาณราชการ ก่อนจะมีการใช้เป็นทางเดินตั้งเเต่นั้นมา

แต่ทั้งนี้อดีตกำนันผู้ที่อยู่ช่วงที่มีในการเซ็นยินยอมลงในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่าถึงเเม้มีการเซ็นยินยอมให้ก่อสร้างเขื่อนหินเเต่ไม่ได้เป็นการยกให้เป็นทางสาธารณะโดยสมบูรณ์

ผลสรุปการประชุมจึงมีมติว่าที่ต้องให้ฝ่ายกฎหมายของจังหวัดทำการตีความหนังสือยินยอม ฉบับดังกล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะได้หรือไม่  เพื่อให้เกิดความเป็นกับทั้งสองฝ่าย หากมีความชัดเจนก็จะต้องดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเอกชนเจ้าของที่ดินได้จัดสรรให้ผู้ประกอบการเข้ามาเช่าพื้นที่เป็นร้านอาหาร เเผงจำหน่ายอาหารทะเลสด เเละของที่ระลึกจำหน่ายเเก่นักท่องเที่ยว ทำให้มีรถเเละนักท่องเที่ยวเข้าออกเส้นทางนี้เป็นจำนวนมาก
ขณะที่ชาวเลฯราไวย์ก็ใช้เป็นเส้นทางหลักเข้าออกหมู่บ้าน ถึงเเม้จะมีอีกเส้นทางหลังหมู่บ้านแต่ก็ไม่สะดวกเนื่องจากมีความคับเเคบ
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้มีการพูดถึงปัญหาเรื่องร้องเรียนของนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับ เด็กๆในชุมชนชาวเลฯราไวย์ส่วนหนึ่งทีมีพฤติกรรมชอบการขอเงินจากนทท.ที่เข้าไปในชุมชน จึงขอความร่วมมือจาก บุคคลกรทางการท่องเที่ยว (ไกด์ บ.ทัวร์ รวมทั้ง ผู้ประกอบการรถบริการเพื่อช่วยตักเตือนนทท.และไกด์ ว่าไม่ต้องให้เงินกับ เด็กๆ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลในทางลบต่อชุมชนราไวย์


 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่