หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าเป็นพะยูนตัวดังกล่าวเป็นพะยูนวัยรุ่น เพศเมียวัดขนาดความยาว 1.7 เมตร เมตร น้ำหนัก 115.5 กก. มีบาดแผลเก่าบริเวณส่วนหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากใบจักรเรือ สัตวแพทย์สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดมาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว
จากนั้นได้ช่วยกันล้อมจับและรีบขนย้ายด้วยเรือเร็วของเอกชนมาส่งยังท่าเทียบเรือที่ศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ต เพื่อรักษา ณ ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร โดยระหว่างการขนย้ายเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและประคองอาการ แต่เนื่องจากสภาพพะยูนอ่อนแอมาก จึงเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตลงในที่สุด ทั้งนี้ กรม ทช. กำหนดผ่าชันสูตรเพื่อวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตในวันนี้ (28 ต.ค.)
ก่อนเสียชีวิตมีสภาพอ่อนแรง สาหร่ายปกคลุมบริเวณหลัง และพบแผลฉกรรจ์ มีลักษณะเป็นแผลเนื้อตาย เปื่อยยุ่ย บริเวณด้านหลังขนาดแผลยาวประมาณ 20 ซม. กว้าง 7 ซม. มีภาวะท้องอืดลอยตัวเอียงด้านขวา ไม่สามารถทรงตัวว่ายน้ำได้ตามปกติ เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันล้อมจับและรีบขนย้ายด้วยเรือเร็วของเอกชนมาส่งยังท่าเทียบเรือที่ศูนย์วิจัยฯ ภูเก็ต เพื่อรักษา ณ ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร โดยระหว่างการขนย้ายเจ้าหน้าที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและประคองอาการ แต่เนื่องจากสภาพพะยูนอ่อนแอมาก จึงเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตลงในที่สุด
โดยในช่วงเช้าของวันนี้ ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เปิดเผยภาพ CT scan ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมระบุว่า “ลูกพะยูนเพศเมีย ยาว 1.7 เมตร อายุเพียง 2-3 ปี ที่อ่าวมาหยา พบการหักของซี่โครงขวาจำนวน 8 ซี่ ซึ่งน่าจะเกิดจากการถูกเรือวิ่งชน รอยโรคการติดเชื้อภายในและการปกคลุมของสาหร่ายบริเวณลำตัว คาดว่าน่าจะเกิดเหตุมาเป็นเวลาร่วมเดือน ที่ไหนสักแห่งในอ่าวพังงา ผลการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์น่าจะทำให้เรารู้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น”
ด้านนายประยูร พงศ์พันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า “อาการของพะยูนที่พบสาหัสมาก เสียชีวิตระหว่างเดินทางไปรับการรักษาที่ภูเก็ต จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าได้รับบาดเจ็บจากอะไร แต่คิดว่าเป็นของมีคมและป็นมาหลายวันแล้ว ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าเป็นใบพัดเรือเพราะถ้าเป็นใบพัดบริเวณลำตัวน่าจะมีบาดแผลมากกว่านี้ เเต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความชำนาญจะทำการผ่าและทำการตรวจสอบภายในวันนี้”
