ซอยด๊อกร่วมมือปศุสัตว์ฯภูเก็ต หลังพบสุนัขติดเชื้อเรบีส์ ต.ฉลอง

ภูเก็ต - จากกรณีที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตประกาศพื้นที่บริเวณตำบลฉลองเป็นพื้นที่โรคเรบีส์ (พิษสุนัขบ้า) ระบาดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายจอห์น ดัลลีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย หรือ ซอยด๊อก จึงได้ออกมาเผยถึงกรณีดังกล่าวและสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายกำลังร่วมมือกันควบคุม โดยภูเก็ตนั้นเคยได้รับการประกาศเป็นพื้นที่ปลอดโรคพิษเรบีส์เพียงพื้นที่เดียวของประเทศ และไม่พบโรคดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

วันพุธ ที่ 23 มกราคม 2562, เวลา 15:55 น.

ภาพ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

ภาพ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

“เมื่อวันที่ 3 ม.ค.เจ้าหน้าที่กู้ภัยสุนัขของเราได้นำสุนัขตัวหนึ่งมาที่มูลนิธิฯ หลังมีคนแจ้งว่าสุนัขมีอาการอาเจียนและไม่สามารถยืนได้เอง” นายจอห์น กล่าว “สุนัขตัวดังกล่าวเข้ารับการรักษาอยู่หลายวันแต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ สุนัขมีอาการเซ และไม่สามารถอ้าปากได้ รวมทั้งยังมีอาการศีรษะเอียงไปด้านข้าง ซึ่งเป็นอาการพื้นฐานของโรคเรบีส์ ทำให้ทีมสัตวแพทย์สันนิษฐานว่าสุนัขน่าจะติดเชื้อดังกล่าว”

“ทางทีมแพทย์จำเป็นต้องทำการการุณยฆาตเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา และส่งตัวสุนัขดังกล่าวไปยังห้องแล็บของสำนักงานปศุสัตว์ฯเพื่อตรวจ และเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ผลก็ออกมาว่าสุนัขตัวดังกล่าวติดเชื้อเรบีส์จริง ซึ่งเป็นกรณีการพบเชื้อในสุนัขในรอบหลายปีของภูเก็ต”

หลังมีการพบการติดเชื้อเรบีส์ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยและสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ 

“ซอยด๊อกทำงานกับปศุสัตว์ฯอย่างใกล้ชิดในการฉีดวัคซีนสุนัขในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบ ๆ พื้นที่ที่พบสุนัขตัวดังกล่าว โดยทางมูลนิธิฯ จะดูแลในส่วนของสุนัขจรจัดและทางสำนักงานปศุสัตว์ฯจะดูแลในส่วนของสุนัขที่มีเจ้าของ โดยขณะนี้มีทีมทำงานทั้งหมด 5 ทีม (จากสำนักงานปศุสัตว์ 2 ทีมและจากซอยด๊อก 3 ทีม กำลังลงพื้นที่ในบริเวณที่สุนัขถูกพบ)”

และจากความร่วมมือดังกล่าว ทีมงานสามารถฉีดวัคซีนสุนัขไปได้แล้วหลายร้อยตัว ซึ่งถือเป็นการตั้งรับกรณีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทีมงานก็คาดหวังว่าจะเป็นกรณีนี้จะเป็นกรณีเดียวและกรณีสุดท้าย

นายจอห์นกล่าวว่า ผู้คนไม่ควรตื่นตระหนกกับข่าวนี้ แต่ควรตั้งรับและระมัดระวัง รวมถึงคำนึงถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนในกรณีที่ถูกกัด ข่วน หรือเลียบริเวณแผลเปิด

“ไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด ในพื้นที่กทม.นั้นมีเคสที่พบเชื้อเรบีส์จำนวนมาก แต่ก็ไม่มีเคสที่เกิดขึ้นกับคนมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว ภาพติดตาที่คนมักคิดว่าสุนัขที่ติดเชื้อเรบีส์จะต้องมีน้ำลายฟูมปากและไล่กัดผู้คนนั้นไม่ได้เป็นจริงเสมอไป อย่างเช่นกรณีที่เพิ่งพบมานี้เป็นต้น เมื่อโดนสุนัขกัด ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม จะต้องล้างแผลให้สะอาดทันทีด้วยสบู่และน้ำสะอาด และรีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน”

นอกจากนี้นายจอห์นยังชี้ให้เห็นถึงต้นตอปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้โรคเรบีส์ระบาดอย่างไม่จบสิ้น นั่นก็คือการนำเข้าลูกสุนัขที่ไม่ผ่านการฉีดวัคซีน

“แม้ว่ากรณีนี้อาจไม่ได้มาจากการนำเข้าลูกสุนัขมาขาย แต่มูลนิธิฯพยายามออกมาเตือนเรื่องอันตรายของการนำเข้าลูกสุนัขที่ไม่ได้รับวัคซีนเข้ามาขาย อย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว โดยได้มีการร้องขอให้ผู้ว่าฯ หลายท่านที่ผ่านมาออกมาตรการควบคุมเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละปีมีการนำเข้าลูกสุนัขเช่นนี้มาในภูเก็ตนับร้อย ๆ ตัว เพื่อมาขายตามตลาดนัดและร้านขายสัตว์เลี้ยง โดยลูกสุนัขที่ส่งเข้ามาเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากฟาร์มเพาะพันธุ์ที่อยู่ในพื้นที่ระบาดของโรคเรบีส์ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีมาตรการขั้นเด็ดขาดใด ๆ ออกมาเป็นรูปธรรม และเราหวังว่าท่านผู้ว่าฯ ท่านใหม่จะลงมือจัดการเรื่องนี้”

“ลูกสุนัขจะไม่สามารถรับวัคซีนต้านโรคเรบีส์ได้จนกว่าจะอายุอย่างน้อย 12 สัปดาห์ โดยระหว่างนั้นจะได้รับภูมิคุ้มกันโรคจากนมแม่ในกรณีที่แม่สุนัขมีภูมิต้านทานอยู่แล้วเท่านั้น อย่างกรณีที่เกิดที่ตลาดนัดจตุจักรที่ผู้ขายสุนัขเสียชีวิตจากโรคเรบีส์ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความอันตรายของโรคนี้”

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอังกฤษเริ่มวางแนวทางจริงจังกับการจัดการกับปัญหาจำหน่ายสัตว์เลี้ยง เตรียมที่จะประกาศกฏหมายห้ามขายลูกหมาและลูกแมวในร้านขายสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการหาประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากสัตว์และการทารุณกรรมสัตว์ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

“นอกจากนี้ การย้ายสุนัขที่ได้รับวัคซีนและทำหมันแล้วออกจากพื้นที่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงการแพร่ของโรคเรบีส์ทางหนึ่งเช่นกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) องค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) และองค์กรเพื่อการรณรงค์ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า (GARC) มีแถลงการณ์ร่วมกัน โดยลงความเห็นว่าวิธีที่จำกำจัดโรคเรบีส์ในหมู่คนนั้น ต้องเริ่มจากการกำจัดโรคเรบีส์ในหมู่สุนัข ซึ่งเป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและได้ประสิทธิภาพมากกว่าวิธีอื่นๆ หากมีการฉีดวัคซีนให้กับสุนัขมากถึง 70% หรือมากกว่านั้น ในประเทศหนึ่งๆ พร้อมทั้งมีการควบคุมการนำเข้าสัตว์อย่างเข้มงวด โรคเรบีส์จะสามารถหมดไปได้ ในทางกลับกัน การเคลื่อนย้ายสุนัขที่ได้รับวัคซีนแล้วไปไว้ในศูนย์พักพิงต่างๆ จะเป็นการลดจำนวนสุนัขปลอดโรคจากท้องถนนและเพิ่มพื้นที่ให้กับสุนัขอื่นๆ ที่อาจยังไม่ได้รับวัคซีนเข้ามาแทนที่”

หากมีผู้พบเห็นสุนัขมีอาการโซเซหรือยืนเองไม่ได้ สามารถติดต่อมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยหมายเลข 076-681-029

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่