ซอยด๊อกร่วมยินดี ฮานอยประกาศยุติการค้า-บริโภคเนื้อสุนัขและแมว

ภูเก็ต - เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ทางการฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้ประกาศสั่งห้ามการบริโภคและจำหน่ายเนื้อสุนัขและแมวในเขตใจกลางกรุงฮานอยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงประมาณ 24 ชั่วโมงหลังมีการเรียกร้องเรื่องการยุติการบริโภคเนื้อสุนัขในหมู่ประชาชน

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

วันพฤหัสบดี ที่ 20 กันยายน 2561, เวลา 09:00 น.

ภาพ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

ภาพ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

โดยอธิบดีกรมสุขภาพสัตว์แห่งกรุงฮานอย นายเหงียน ง๊อก เซิน กล่าวกลับ หนังสือพิมพ์ลาว ดง เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ว่า “จากทิศทางของคณะกรรมการประชาชนฮานอยที่เรียกร้องให้ชาวฮานอยลดการบริโภคเนื้อสุนัขนั้น ทางเราได้วางแผนที่จะค่อย ๆ ลดและยกเลิกการค้าเนื้อสุนัขและโรงเชือดสุนัข โดยภายในปีพ.ศ. 2564 นี้ ร้านอาหารที่จำหน่ายเนื้อสุนัขจะหมดไปจากบริเวณใจกลางเมืองฮานอยอย่างสิ้นเชิง”

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการประชาชนฮานอยได้ขอให้ชาวฮานอยหยุดการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว พร้อมทั้งเรียกร้องต่อหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นให้ออกมาตรการเตือนชาวฮานอยเกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดโรคต่างๆ จากการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว ซึ่งได้แก่ โรคที่อันตรายถึงชีวิตอย่างเรบีส์ (โรคพิษสุนัขบ้า) และโรคเล็ปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) เป็นต้น

นอกจากนี้ คณะกรรมการประชาชนฮานอยยังได้แถลงว่า โรงเชือดสุนัขและการค้าเนื้อสุนัขและแมวนั้นเป็นสิ่งที่ทำลายภาพลักษณ์ของกรุงฮานอย

นายเซิน กล่าวต่อกับหนังสือพิมพ์ลาว ดง ว่า ขณะนี้กรุงฮานอยมีร้านอาหารจำนวน 1,013 ร้านที่จำหน่ายเนื้อสุนัขและแมว อย่างไรก็ตาม ยอดการบริโภคเนื้อสุนัขและแมวจากทั่วประเทศนั้นไม่สามารถสรุปเป็นตัวเลขได้แน่ชัด แต่คาดการณ์ได้ว่าประมาณ 5 ล้านตัวต่อปี

จากกรณีดังกล่าวนี้ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) หรือ ซอยด๊อก ซึ่งได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการประชาชนฮานอยเพื่อยุติการค้าเนื้อสุนัขและแมวมาอย่างต่อเนื่อง ได้แสดงความยินดีต่อเรื่องนี้ โดยผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิฯ อย่างนายจอห์น ดัลลีย์ กล่าวว่า “นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการยุติการบริโภคและการค้าเนื้อสุนัขและแมวนี้จะครอบคลุมไปทั่วทั้งเมืองฮานอย อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างให้กับเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศเวียดนามได้”

“ไม่มีวัฒนธรรมใดที่ยอมรับในเรื่องความทารุณโหดร้าย และฮานายเองก็กำลังเติบโตเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แล้ว การกระทำป่าเถื่อนแบบยุคก่อนจึงควรที่จะหมดสิ้นไปเสียที”

ขณะเดียวกัน ตัวแทนมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยประจำประเทศเวียดนามอย่าง บาว เฉิน ได้กล่าวว่า “ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่มากของที่นี่ และเป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดของสำนักข่าวทุกสำนักในเวียดนาม และดูเหมือนว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว”

“จุดสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ให้ทางการฮานอยถกประเด็นและสร้างขอบข่ายงานในการยุติการค้าเนื้อสุนัขและแมว ซึ่งมูลนิธิฯ ยินดีที่จะช่วยเหลือและชี้แนะแนวทางเท่าที่เราจะทำได้”

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยเป็นแกนนำในการต่อสู้ขบวนการลักลอบนำสุนัขจากประเทศไทยผ่านทางประเทศลาวและเวียดนาม ซึ่งทุกวันนี้ขบวนการเหล่านี้แทบจะหมดไปแล้ว

ทั้งนี้ นายจอห์น ดัลลีย์ยังเคยเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการร่างกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 และมีผลให้การบริโภคเนื้อสุนัขและแมวผิดกฎหมายในประเทศไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่