ดีเอสไอบุกรวบโมเดลลิ่งเครือข่ายแพร่ภาพลามกเด็กแหล่งใหญ่ของโลก ผงะพบกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ

ดีเอสไอ บุกรวบเจ้าของสำนักงาน”เนเน่ โมเดลลิ่ง”คาบ้านพักย่านปทุมธานี หลังตำรวจออสซี่ประสานดีเอสไอตรวจค้น-รับคดีพิเศษ พบโยงเครือข่ายแพร่ภาพลามกอนาจารเด็กแหล่งใหญ่สุดของโลก ผงะเจอคลังภาพฯเด็กมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ

โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดี ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564, เวลา 11:17 น.

ภาพ โพสต์ทูเดย์

ภาพ โพสต์ทูเดย์

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. พ.ต.อ.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกกรมอสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พร้อมพ.ต.ต.จตุพล บงกฎมาศ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เข้าจับนายดนุเดช หรือ เนเน่ ผู้ต้องหาตามหมายจับสัญชาติไทย ได้ภายที่บ้านพักภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานโมเดลลิ่ง ในชื่อ”เนเน่โมเดลลิ่ง (Nene Modeling) โดยมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตออสเตรเลียเข้าร่วมสังเกตุการณ์ด้วย

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ดีเอสไอได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police) ว่ามีบุคคลสัญชาติไทยที่อาจมีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศเด็กในพื้นที่กทม.โดยมีเพียงหลักฐานภาพถ่ายโป๊เปลือยเด็กภาพเดียว จึงสั่งการให้กองกิจการต่างประเทศฯร่วมกับองค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.)ในฐานะผู้สนับสนุนเทคโนโลยีตรวจวิเคราะห์ความเชื่อมโยงข้อมูล จนพบว่ามีชื่อของนายฐกร หรือ นายหมี หรือ นายบาส เข้าไปเกี่ยวข้อง จึงเป็นที่มาของการเข้าจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 63 และมีการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง และดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษ

พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่าเนเน่โมเดลลิ่ง (Nene Modeling) ของนายดนุเดช ถือว่าเป็นโมเดลลิ่งเด็กที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย จากการตรวจสอบพบคลังภาพลามกอนาจารเด็กมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ และเป็นจุดสำคัญที่มีภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเกี่ยวพันกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนหลายพันราย ซึ่งการทลายแหล่งคลังภาพฯเหล่านี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนทั้งภายในและนอกประเทศครั้งใหญ่ที่สุด

“ดีเอสไอแจ้งจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาใน 3 ข้อกล่าวหา คือ ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, กระทำชำเรา และพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร” อธิบดีดีเอสไอ กล่าว

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ดีเอสไอจะประสานกับเอ็นจีโอ ทั้ง องค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.), มูลนิธิเอ-ทเวนตี้วัน (A21 Foundation), องค์กร LIFT International, มูลนิธิพิทักษ์สตรี (AAT), TCLS Legal Advocate และศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงช่วยในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายต่อไป

อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่