ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ภายในห้องรับแขก บนเก้าอี้หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ พบศพชายชาวต่างชาติไม่สวมเสื้อ นุ่งเพียงกางเกงชั้นในสีน้ำเงิน ข้อมือซ้ายสวมนาฬิกา ที่ราวนมซ้ายมีมีดปลายแหลมปักติดอยู่เลือดไหลอาบนองพื้นเสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายเฮนรี่ พอล จอง เมโล อายุ 81 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งในพาสปอร์ตระบุว่าผู้ตายพำนักอยู่ในพื้นที่ตำบลกมลา
ร.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า ตรวจสอบภายในห้องดังกล่าวไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน โดยโทรทัศน์ด้านข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ยังคงเปิดอยู่ สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3-4 ชม.จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับแพทย์ รพ.ป่าตองชันสูตรศพเบื้องต้นก่อนนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้นรายงานตำรวจระบุว่า ผู้ตายมักเก็บตัวเงียบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดมากนัก ทำให้เพื่อนบ้านไม่ค่อยมีผู้ใดทราบถึงสาเหตุที่ผู้ตายตัดสินใจใช้มีดปลายแหลมแทงตัดขั้วหัวใจ เพื่อฆ่าตัวตายดังกล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าผู้ตายอาจเกิดความเครียดปัญหาบางอย่างที่คิดไม่ตกหรือแก้ไขไม่ได้ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ใช่การถูกฆาตกรรม อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้แจ้งไปยังสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยทราบ อย่างไรก็ดีถ้าครอบครัวผู้ตายติดใจการตายสามารถส่งศพไปให้แพทย์นิติเวช ผ่าชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านนางเฉลิมศรี เมโล ภรรยาของนายเฮนรี่ กล่าวกับข่าวภูเก็ตว่า นายเฮนรี่เป็นหมอเกษียณอายุและได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับตน กระทั่งเมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมาแพทย์ได้ตรวจพบว่านายเฮนรี่เป็นโรคมะเร็งหลอดลม
“คุณหมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลอดลม เมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่แล้ว จากนั้นพี่ก็ได้จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลอย่างดีที่บ้าน มีบางช่วงที่แกป่วยหนักก็จ้างให้มาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แต่พักหลังนี้อาการดีขึ้นแต่เราก็ยังจ้างพยาบาลมาดูแลที่บ้านเช่นเคย เพื่อช่วยกันดูแลสลับกับพี่ พี่ขอให้แกผ่าตัดแต่แกยืนยันว่าจะไม่ผ่าตัด ขออยู่แบบเดิมดีกว่า” นางเฉลิมศรี กล่าว
คุณหมอเฮนรี่โบกมือให้ภรรยาก่อนจบชีวิตตนเอง
“เมื่อเช้าในขณะที่พยาบาลกำลังเก็บกวาดดูแลห้องนอน แกก็อยู่ที่ห้องนั่งเล่น บริเวณโต๊ะคอมที่เกิดเหตุ ตอนนั้นเพื่อนพี่มาหาที่บ้านพี่ก็เดินออกไปคุยด้วย ไม่ถึง 5 นาที ก่อนเกิดเหตุ พี่ได้ยินเสียงเก้าอี้ มองเข้ามาเห็นแกโบกมือ นึกว่าอกอยากเข้าห้องน้ำ พี่เลยจะเดินไปหยิบไม้ช่วยเดินให้แก แต่แล้วก็ได้ยินเสียงพยาบาลร้อง และก็เป็นอย่างที่เห็นในข่าว” นางเฉลิมศรี กล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า