เนื่องจากที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากนักท่องเที่ยวที่ไม่ชินกับถนนหนทาง หรือไม่มีประสบการณ์การขับขี่รถจักรยานยนต์ และไม่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์
พล.ต.ต.อังกูร กล่าวว่า “เชื่อว่ามาตรการและความร่วมมือกันของทุกฝ่าย จะช่วยให้ปัญหาเบาบางลงได้ ในกรณีรถเช่า ประเด็นแรกที่เจ้าของรถเช่าต้องดำเนินการคือ เรื่องประกันภัยต่าง ๆ ส่วนประเด็นที่สองคือผู้ที่มาเช่ารถมีใบขับขี่หรือไม่ และมีความพร้อมที่จะขับรถจักรยานยนต์หรือไม่”
“ถ้าเราไม่มีความพร้อมในเรื่องของรถ และไม่มีความพร้อมในเรื่องของตัวผู้ขับขี่ก็จะเกิดปัญหา ซึ่งนอกจากสองอย่างนี้ ต้องให้ความสำคัญในเรื่องของหมวกนิรภัย ว่าทั้งตัวผู้ให้เช่าและผู้เช่าละเลยเรื่องของการสวมใส่หมวกกันน็อคหรือไม่ เพราะหากแค่เกิดเหตุรถล้มไม่รุนแรง แต่ศีรษะไปกระแทกกับของแข็งก็จะทำให้เสียชีวิตได้” พล.ต.ต.อังกูร กล่าว
สำหรับแนวคิดที่จะนำเสนอในที่ประชุมบ่ายวันนี้ก็จะประกอบไปด้วย การติดป้ายพิเศษสำหรับรถเช่าให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน หมวกกันน็อคของผู้ขับขี่ที่มีสีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการรถเช่า รวมไปถึงแนวคิดในการยึดรถจักรยานยนต์ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือนักท่องเที่ยวไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เป็นต้น
“ยอมรับว่าความสะดวกกับความปลอดภัยมันไม่ได้มาด้วยกัน ความสะดวกอาจจะน้อยลงแต่ความปลอดภัยจะมากขึ้น สำหรับแนวคิดนี้จะได้เริ่มดำเนินการที่สมุยและภูเก็ตไปพร้อม ๆ กัน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนในแหล่งท่องเที่ยวที่มากขึ้น แต่ก่อนจะมีการกำหนดมาตราการใด ๆ ออกมา เราต้องมีการพูดคุยและเรียกผู้ประกอบการให้เข้ามาประชุมทำความเข้าใจกันเสียก่อน” พล.ต.ต.อังกูร กล่าว
ผบก.ทท.3 อธิบายว่า ได้เสนอแนวความคิดนี้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และปลัดกระทรวงฯแล้ว และได้รับคำตอบว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเอาจริงกับเรื่องนี้ หากพบว่าผู้ขับขี่ขับขี่ไม่ปลอดภัยและไม่มีใบอนุญาตขับขี่จะต้องหยุดรถทันที และติดต่อเจ้าของรถเช่าให้มารับรถในภายหลัง สำหรับบทลงโทษก็จะเป็นไปตามข้อกำหนด
“เราจะไม่ปล่อยให้ผู้ที่ไม่มีความพร้อมในการขับขี่ได้ขับรถต่อไปบนท้องถนน ทั้งนี้ก็เพราะความปลอดภัยขอตัวผู้ขับขี่เอง ที่สมุยเราจับแต่ไม่ปรับเรานำตัวไปอบรม โดยให้ดูภาพความสูญเสียจากเกิดอุบัติเหตุเพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์ และนำไปบอกต่อกับคนในครอบครัว” พล.ต.ต.อังกูร กล่าว
“อย่างไรก็ตาม การทำงานให้สำเร็จต้องมีหลายหน่วยงานร่วมกันบูรณาการ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพราะการจะนำแนวความคิดไปใช้อย่างไรนั้นเป็นอำนาจของทางจังหวัด ในการกำหนดบทลงโทษต่าง ๆ และการดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายต่อไป”