สำหรับเที่ยวบินดังกล่าวนั้นออกเดินทางจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองปังกัลปีนัง แต่โชคร้ายประสบอุบัติเหตุตกลงสู้ท้องทะเล ในวันเกิดเหตุโฆษกประจำสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติฯ ระบุว่าเครื่องบินลำดังกล่าวได้บรรทุกผู้โดยสารผู้ใหญ่ 178 คน ซึ่งในจำนวนผู้โดยสารมีเด็ก 1 คน และทารกอีก 2 คน รวมถึงนักบิน 2 คน และลูกเรืออีก 5 คน ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยทางทะเลได้เข้าพื้นที่ในทันที และได้พบกับของใช้ส่วนตัวผู้ที่โดยสารมากับเครื่องบินลำดังกล่าว เช่น โทรศัพท์มือถือที่มีสภาพไหม้เกรียมเสียหาย (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
นายสุโตโป กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุดังกล่าว ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างโศกเศร้าเสียใจและอยู่ในช่วงเวลาอันแสนยากลำบากในการที่จะผ่านเหตุการณ์อุบัติเหตุเที่ยวบินเจที 610 อันแสนเลวร้ายนี้ไปได้ พร้อมทั้งได้เรียกร้องให้ทุกคนหยุดการเผยแพร่ภาพถ่ายของเหยื่อจากเหตุเครื่องบินตก รวมไปถึงหยุดแชร์ข่าวลวงต่าง ๆ บนโลกโซเชียล พร้อมติดแฮชแทก #prayforjt610 #prayforlionair
โดยนายสุโตโปได้โพสต์ภาพถ่ายและวิดีโอจำนวนหนึ่ง รวมถึงภาพของเด็กทารกผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง ระบุข้อความว่า “มีการโพสต์ภาพบนโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือภาพของเด็กทารกที่อ้างว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุเที่ยวบิน เจที 610 ขอเรียนว่าเด็กทารกในภาพเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุเรือล่มในเขตเกาะเซลายาร์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 โปรดหยุดเผยแพร่ข่าวลวงนี้เสีย”
นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติฯ ยังได้โพสต์ภาพของซากส่วนท้ายของเครื่องบินไลอ้อนแอร์ JT-904 ที่ประสบเหตุในขณะที่นักบินพยายามนำเครื่องลงจอด ณ สนามบินในบาหลี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2556 ชี้แจงว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่เศษซากของ JT-610 ดังที่มีการแชร์อยู่ในขณะนี้แต่อย่างใด
รวมไปถึงภาพถ่ายจำนวน 2 ภาพ ปรากฏผู้โดยสารกำลังสวมใส่หน้ากากออกซิเจนในท่าทางหวาดกลัว โดยระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นผู้โดยสารจากเครื่องบินลำอื่นเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งตัวเครื่องและผู้โดยสารทั้งหมดปลอดภัย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ เจที 610 พร้อมทั้งขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว
