บ.เอ็มเมอรัลด์ฯแถลงข่าวหลังกลุ่มผู้รักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ตร้องเรียนถึงผวจ.ให้ตรวจสอบโครงการ

บ.เอ็มเมอรัลด์ ฯ แถลงข่าว หลังจากกลุ่มรักชื่อเสียงภูเก็ตยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯภูเก็ตขอให้ตรวจสอบโครงการแห่งหนึ่งว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายหรือไม่ทั้งเรื่องโฉนดที่ดินรูปแบบการก่อสร้างอาคารฯลฯขณะที่ผู้ถูกร้องออกมายืนยันได้ดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัดพร้อมน้อมรับการตรวจสอบ

เปรมกมล เกษรา

วันพุธ ที่ 8 มีนาคม 2560, เวลา 10:27 น.

วันที่ 3 มี.ค.60 ที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ตัวแทนกลุ่มรักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ตนำโดยนายนิรันดร์ ชัชเวช เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ขอให้ตรวจสอบโครงการที่น่ากระทำผิดกฎหมายผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต โดยมีนายนันทศักดิ์ บุญนาค ผู้อำนวยศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ตเป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว

นายนิรันดร์ ชัชเวช ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า ตามที่คสช.และรัฐบาลได้มีนโยบายให้มีการตรวจสอบที่ดินที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือบุคคลใดที่กระทำการหรืออาจกระทำการให้เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไทยหรือฉ้อโกงประชาชนและชาวต่างชาติ ทำให้เกิดความเสียหายในภาพลักษณ์ของประเทศและการท่องเที่ยวรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศ ตนในนามตัวแทนกลุ่มผู้รักชื่อเสียงภูเก็ตจึงขอยื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้พิจารณาตรวจสอบโครงการที่น่ากระทำผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตนได้รับข้อมูลจากผู้เดือดร้อนของโครงการแห่งหนึ่งจำนวน 3 โครงการ ว่าน่าจะมีการกระทำผิดกฎหมายหลายประเด็นด้วยกันดังนี้ 1.โครงการบริเวณหาดกะหลิม ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มีการสร้างโรงแรม 5 ดาว วิลล่าคอนโดและบีชคลับ ซึ่งให้เอกสารหลักฐานที่ดินในการก่อสร้างนส.3 กเลขที่ 4606 ได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็น 5 แปลงเป็นที่ดินนส.3 ก เลขที่ 8101,8102,8103,8104 และ 4606 ที่ดินนส.3 กเลขที่ 4607 ได้แบ่งแยกที่ดินออกเป็น 5 แปลงเป็นที่ดินนส.3 กเลขที่ 8042, 8043, 8044, 8045 และ 4607 ซึ่งมีจำนวนเนื้อที่ดินน้อยกว่า 30 ไร่ และเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวมีจำนวนที่ดินไม่ถึง 10 ไร่ แต่มีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพิ่มจากของเดิมเป็นเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 30 ไร่ มีการออกเอกสารทับที่ป่าสงวนแห่งชาติมีความก่อสร้างเกินกว่าความสูงกำหนดมีการขุดดินถมดินเข้าไปในแนวเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โครงการดังกล่าวยังได้มีการโฆษณาชวนเชื่อให้บุคคลต่างๆหรือชาวต่างชาติมาวางเงินมัดจำในการขายคอนโดและวิลล่าเป็นจำนวนมาก บางกลุ่มที่มาจับจองซื้อหรือวางเงินมัดจำก็ได้มีการฟ้องร้องไปแล้วบางส่วน

2. โครงการที่ตั้งอยู่ต.ป่าตอง อ.กะทู้ อยู่บนถนนพระบารมี ใกล้กับทางแยกถนนผังเมืองสายก. ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ผ่านด้านหลังของห้างจังซีลอน โครงการเป็นอาคารชุดจำนวน 2 อาคาร 2 Phase ทั้งหมด 173 ยูนิตจากคำบอกเล่าของผู้เดือดร้อนจากโครงการนี้ มีการออกโฉนดอาคารห้องชุดที่ไม่ถูกต้องเช่นลักษณะของตัวแบบการยื่นขออนุญาตก่อสร้างกับพื้นที่การใช้สอยในการขายตัวอาคารไม่เหมือนกัน แสดงว่ามีการก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตมาทำให้โฉนดในการซื้อขายคอนโดนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของโครงการ, มีการออกสารพื้นที่การใช้สอยกล่าวคือนำพื้นที่ที่ขออนุญาตเป็นดาดฟ้ามาสร้างเป็นห้องพักคอนโดเพื่อจะได้ขายลูกค้าต่อไป

3.โครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินถนนวิชิตสงครามหมู่ที่ 1 ต.กะทู้ อ.กะทู้ โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วบางส่วนตามใบอนุญาตที่ภก.52303/921 และใบอนุญาตอาคารชุดเลขที่ 35/2558 เป็นอาคารคสล. 7 ชั้นจำนวน 1 หลัง คสล. 8 ชั้นจำนวน 1 หลังโครงการนี้มีการก่อสร้างที่ผิดไปจากแบบแปลนในการขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นแล้ว มีการก่อสร้างเกินความสูงที่ได้รับอนุญาตและเกินที่กฎหมายกำหนด มีการเปลี่ยนแปลงแบบตัวอาคารไปจากเดิม

ทั้งนี้ทางผู้ร้องได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตสั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการดังกล่าวว่าได้กระทำการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตหรือเกิดความเสียหายการเสื่อมเสียชื่อเสียงของประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ตและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ด้านนายนันทศักดิ์ บุญนาค ผู้อำนวยศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต หลังจากตรวจสอบหนังสือได้รับเรื่องไว้เพื่อนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตทราบ และจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ขณะที่ทางกรรมการผู้จัดการบริษัทผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า จากหนังสือร้องเรียนดังกล่าวทางบริษัทได้ทราบเรื่องแล้ว แต่เนื่องจากข้อมูลในหนังสือไม่ระบุชื่อผู้ร้องที่ชัดเจน อ้างเพียงเป็นข้อมูลผู้เดือดร้อน ซึ่งปกติบริษัทมีแผนกดูแลลูกค้าที่มีปัญหาเป็นอย่างดี

ขอยืนยันว่าบริษัทฯได้ดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งไม่ถูกต้องสิ่งที่น่าสังเกต ในหนังสือดังกล่าวที่บริษัทฯต้องขอตรวจสอบคือ 1.หนังสือไม่ระบุตัวผู้ร้องไม่ชัดเจน 2.ข้อมูลโครงการที่กล่าวอ้างล้วนแต่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง 3.บริษัทฯเคยถูกข่มขู่และคุกคามเรียกผลประโยชน์จากบางกลุ่มมาหลายครั้งแล้วด้วยหลายวิธีการ แต่ไม่ได้ให้ผลประโยชน์ตามที่ขอมาซึ่งรายละเอียดเชิงลึกอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมนำไปร้องเรียนดำเนินคดีต่อไป

 ต่อมา วันที่ 7 มีนาคม 2560 บริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด จังได้จัดแถลงข่าวถึงกรณีต่างๆ ณ สำนักงานโครงการ ดิเอ็มเมอรัลด์ เซ็นทรัล คอนโด โดยการแถลงนั้นมีเนื้อหาดังนี้

 บริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์กรุ๊ป จำกัด ถูกกล่าวหาจากกลุ่ม ผู้รักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา จึงใคร่ขอชี้แจงข้อมูลประกอบการแถลงข่าว คือ

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย และเคารพสิทธิของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้ง พรบ.สิ่งแวดล้อม, พรบ.ผังเมือง และ พรบ.ควบคุมอาคาร บริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ รวมทั้งหมด 7 โครงการ และโครงการที่ถูกกล่าวหา 3 โครงการ คือ

1. โครงการ The Emerald Nirvana Kalim ไม่ใช่โครงการ Emerald Development Group ซึ่งเป็นชื่อของบริษัทฯ ประเด็น 2 ประเด็น คือ

1.1 เรื่องเอกสารสิทธิ บริษัทฯ ซื้อที่ดินต่อจากผู้ขาย และได้ทำการตรวจสอบที่ดิน น.ส. 3ก. ทั้ง 5 แปลง ที่แบ่งแยกไปทำโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงแรม, ที่พักอาศัย รวมถึงวิลล่า

มีการตรวจสอบ สค.1 ที่ครอบครอง โดยนายสัน สเน่ห์ ซึ่งออกเอกสารสิทธิเมื่อ วันที่ 16 พฤษภาคม 2494 ก่อน พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และปัจจุบันทายาทของเจ้าของ สค.1 ยังมีชีวิตอยู่และได้นำมาเป็นพยานบันทึกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ที่ดินแล้วว่าเป็น สค. 1 ในพื้นที่ดังกล่าวจริง ส่วนเรื่องจำนวนเนื้อที่ ได้สอบถามกับทายาท พบว่า การแจ้งจำนวนพื้นที่ต่ำไว้ เพื่อประหยัดภาษีท้องที่สมัยก่อน แต่การทำไร่ทำสวนก็ทำมากกว่าเป็นปกติ พอมาออกเอกสารก็แจงแนวเขตตามที่ครอบครองจริง และที่ดินข้างเคียงก็รับทราบ เจ้าหน้าที่จึงได้ออกเอกสารสิทธิให้เป็น น.ส.3ก ดังกล่าว ออกให้มาตั้งแต่พ.ศ. 2539 เป็นเวลากว่า 20 ปี

1.2 เรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง บริษัทฯได้ปรับปรุงพื้นที่ภายใต้หลักวิศวกรรมและส่งผลกระทบน้อยที่สุด บริษัทฯได้ยื่นขอและได้รับใบอนุญาตก่อสร้างกำแพงกันดินจากเทศบาลป่าตอง ออกให้เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียบร้อย ในส่วนของวิลล่า จำนวน 8 หลัง บริษัทฯ ได้ยื่นแบบขออนุญาตผ่านเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเริ่มต้นก่อสร้าง ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีบางส่วนที่ระดับความสูงเกิน ก็ไม่ได้นำไปพัฒนาอะไร รักษาไว้เป็นพื้นที่สีเขียว กรณีกล่าวหาว่ามีการขุดถมดิน หากดูจากแบบที่จะทำการก่อสร้างพบว่า เป็นการสร้างอาคารที่ใช้พื้นที่ขุดดินออกน้อยมาก เพราะออกแบบให้สอบคล้องกับสภาพพื้นที่จริง และตั้งใจให้ทั้งโครงการออกมาในรูปแบบเป็นการอยู่อาศัยอิงธรรมชาติให้มากที่สุด

1.3 เรื่องการขายและการโฆษณาชวนเชื่อนั้นบริษัทฯไม่ได้ถูกฟ้องร้องแต่อย่างใดรวมถึงทางบริษัทฯก็มีการสื่อสารที่ดีกับลูกค้ามาโดยตลอดถึงความคืบหน้าในการทำงาน

2. โครงการ The Emerald Terrace Condo Patong ตั้งอยู่ถนนพระบารมี (บริเวณหลังธนาคารออมสิน) บริษัทฯมีการออกโฉนดห้องชุด (อช.) ให้กับลูกบ้านและได้โอนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ปรากฏการร้องเรียนใดๆ เรื่องเอกสาร และการออกเอกสารมีคณะกรรมการกลางของจังหวัดตรวจสอบหลายฝ่ายรวมถึงเทศบาลป่าตอง ต้องตรวจสอบมาตรฐานอาคารด้านต่างๆ และบริษัทฯก็ผ่านการตรวจสอบถูกต้องเรียบร้อย

บริษัทฯไม่เคยนำพื้นที่ดาดฟ้ามาทำเป็นห้องพักขายคอนโดตามที่กล่าวหา เพราะการออกเอกสารโฉนดห้องชุด หากก่อสร้างไม่ตรงกับแบบขออนุญาตก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว

3. โครงการ The Emerald Central Condo บริษัทฯทำการก่อสร้างตรงตามแบบแปลนทุกประการและเป็นอาคารเพื่ออยู่อาศัย 7 ชั้น ทั้ง 2 อาคาร หากคำนวณตามความสูงของกฎหมาย ก็ถือว่ายังไม่เกินเพราะปกติ ความสูงอาคารไม่เกิน 23 เมตร ซึ่งแต่ละชั้นของอาคาร สูงเพียง 3 เมตร รวม 7 ชั้น สูงเพียง 21 เมตร บริษัทฯมีการปรับแบบระเบียงอาคารเพียงบางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับแนวเขตที่ดิน รวมถึงอาคารก็มีระยะร่นที่ถูกต้องตามใบอนุญาต ทุกประการ

ในการร้องเรียนครั้งนี้ จึงเชื่อว่าน่าจะมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน เพราะบริษัทฯเคยมีกลุ่มบุคคลทั้งในเครื่องแบบจากส่วนกลาง และคนในพื้นที่ที่ร่วมมือกัน ข่มขู่ และเรียกรับผลประโยชน์จากทางบริษัทฯ และหากบริษัทฯไม่รีบดำเนินการเคลียร์เงินให้ก็จะดำเนินการลงข่าวให้เกิดความเสียหายในธุรกิจ ซึ่งตอนนี้ บริษัทฯมีข้อมูลและอยู่ระหว่างเตรียมการดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว

ด้านผู้บริหารเอง คือ นายสาวิตร เกตุโรจน์ ยืนยันว่า ทำธุรกิจด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย และเคารพสิทธิของส่วนรวมมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยใดๆ ในตลอดชีวิต และขอให้กลุ่มคนดังกล่าว หยุดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะการบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้นักลงทุน,ผู้ซื้อ รวมถึงประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ขาดความเชื่อมั่นและทำให้ธุรกิจเสียหายในวงกว้างได้ บริษัทฯเอง มีเจตนาสร้างธุรกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ต รายได้จากธุรกิจของบริษัทฯ มีแผนจะนำมาตอบแทนสู่สังคมทั้งด้านการศึกษา และสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกหลายอย่างต่อไปในอนาคต

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่