บุกค้นคฤหาสน์หรูรุกที่ดินป่าสงวนบนเขาพังงา พบเจ้าของบ้านพัวพันวัดพระธรรมกาย

DSI เข้าตรวจค้นคฤหาสน์บนสันเขากลางป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา จ.พังงา

ข่าวภูเก็ต

วันศุกร์ ที่ 9 มิถุนายน 2560, เวลา 21:08 น.

วันนี้ (9 มิ.ย. 60) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้จัดแถลงข่าวกรณีเข้าตรวจค้นคฤหาสน์หรูบนสันเขากลางป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลา จ.พังงา

ตามที่รัฐบาลมีนโนบายการรักษาคามมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐและใช้มาตรการทางกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กำชับให้กรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิบัติงานตามนโยบายและขัอสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดและดำเนินการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปามอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและต่อเนื่อง

กระทรวงยุติธรรมได้รับการร้องเรียนจากเครือขายกลุ่มอันดามัน กรณีมีผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่มได้บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดพังงาหลายพื้นที่ ในการนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนิการสืบสวน และจากการตรวจสอบเบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้

1. พบว่ามีการปลูกสร้างบ้านพักขนาดใหญ่จำนวน 2 หลัง ตั้งอยู่บนสันเขาที่เป็นเทือกเขาสูง สามารถมองเห็นเกาะภูเก็ตและอ่าวพังงา อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาและแหลมซำ ซึ่งประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี 2527 โดยก่อนหน้านี้ได้ประกาศเป็นป่าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2504 โดยมีการสร้างถนนส่วนบุคคลลเชื่อมต่อจากเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1004 จำนวน 1 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2.8 ก.ม. เพื่อใช้เดินทางเข้ามายังบ้านพัก

2. พบว่าบริเวณตัวบ้านและบริเวณข้างเคียง เดิมมีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินเป็นน.ส.3ก. เลขที่ 1281 แปลงเดียว เนื้อที่ 39 ไร่ ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าควนโต๊ะหลาฯ ครอบคลุมภูเขาทั้งลูก ต่อมาได้มีการแบ่งแยกเป็น 14 แปลงหลักและได้มีการรวมแปลงและแยกที่ดินออกไปอีกจำนวนหลายแปลง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการออกโดยการเดินสำรวจในช่วงปี 2520 โดยไม่มีหลักฐานของที่ดินเดิม และอ้างว่าการปลูกสวนผลไม้มาประมาณ 33 ปี ซึ่งจากการอ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศพบว่าในปี พ.ศ.2510 และพ.ศ.2519 พื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่า 100% ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ จึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ อีกทั้งกฎกระทรวงฉบับที่ 5 ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ห้ามออกเอกสารสิทธิในที่เขาหรือภูเขาในเขตที่สงวนหวงห้ามของรัฐ การออกน.ส.3ก.ฉบับดังกล่าวจึงเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองจึงอยู่ในฐานะของผู้ที่บุกรุกที่ดินของรัฐ ป่า และป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

พ.ต.อ.ไพสิฐ พร้อมด้วย พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประการ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่จากกองพลทหารราบที่ 5 และกรมป่าไม้ นำหมายค้นของศาลจังหวัดพังงา เข้าตรวจค้นบ้านพักซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าโต๊ะควนหลาและป่าแหลมซำ อยู่ในท้องที่จ.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยมีข้อสงสัยว่ามีการบุกรุก ยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ ก่อสร้าง หรืออยู่อาศัยและออกเอกสารสิทธิมิชอบ

“การดำเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของรัฐทุกประเภทถือเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หน่วยทหาร กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นภารกิจสำคัญ และถือเป็นภารกิจที่จะต้องทวงคืนเอาแผ่นดินดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของรัฐและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด สำหรับผู้กระทำผิดรายนี้ (ขอสงวนนาม) เป็นนายทุนรายใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยในระดับต้นๆของจังหวัดภูเก็ต มีพฤติการณ์ในการบุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นที่จ.ภูเก็ตและจ.พังงาหลายแห่งและร่ำรวยจากการค้าขายที่ดินผิดกฎหมาย มีคดีความอยู่กับกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้งที่อยู่ในชั้นศาลและอยู่ระหว่างดำเนินคดี ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการด้านกฎหมายฟอกเงินเข้าไปดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบกับบุคคลดังกล่าวต่อไป” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว

“จากการเข้าบุกค้นในบ้านทั้งสองหลัง หลังแรก ปรากฏเป็นบ้านเลขที่ 111 ซึ่งมีเจ้าของชื่อนายรัตน์ (ขอสวนนามสกุล) หลังที่สองเลขที่ 222 เจ้าของบ้านชื่อนางวรรณา เบญจรงคกุล โดยในบ้านหลังที่สองนั้น พบตาลปัตรระบุข้อความ “เบญจรงคกุล” และพบภาพถ่ายภายในบ้านซึ่งเป็นภาพของลูกศิษย์วัดพระธรรมกายคนหนึ่ง จากการสอบถามแม่บ้านภายในบ้านทราบว่าคนในภาพดังกล่าวเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้และเป็นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายจริง” 

“การออกโฉนดที่ดินดังกล่าวนั้นออกโดยมิชอบ ผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธินี้จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายแน่นอนเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวน ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะทวงทรัพย์สินของชาติให้กลับคืนมาจากมือของผู้ที่ทำผิดกฎหมาย” พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวเพิ่มเติม

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่